วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

รัฐบาลเข็นนโยบายเร่งด่วน โชว์ปรองดอง


ปลุกปชต.-สัมพันธ์เพื่อนบ้าน ชู8เรื่องหลัก-14ประเด็นย่อย

ม็อบบุก - กลุ่มคนพิการตาบอดมาชุนนุมประท้วงหน้าหมู่บ้านของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและความยากไร้ของคนพิการทั่วประเทศ นับเป็นม็อบกลุ่มแรกที่เคลื่อนไหวบุกถึงหน้าบ้านพักหลังนายสมชายรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 24 กันยายน

ชงรัฐบาลชู 14 เรื่องเร่งด่วน 8 นโยบายหลัก 14 เรื่องย่อย เฉพาะหน้าเน้นสร้างความปรองดองของคนในชาติ การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ ปท.เพื่อนบ้าน รวมถึงผลักดันเมกะโปรเจ็คต์ "สุชาติ"ขอโทษปูด บ.ประกันมีปัญหา ต่อไปจะระมัดระวังปาก แต่ไม่วายบอกค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บ. ท้าให้ดูที่ผลงานเมื่อบ่ายวันที่ 24 กันยายน มีการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการจัดทำนโยบายรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน (พปช.) และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่สำนักงาน พปช.อาคารไอเอฟซีที โดยนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการ พปช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ได้รับมอบจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ประสานงานการจัดทำร่างนโยบาย โดยแบ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน 14 เรื่อง นโยบายหลัก 8 เรื่อง และนโยบายย่อย 14 เรื่อง มีเนื้อหา 25 หน้า ซึ่งจะดำเนินการภายใน 3 ปี สำหรับนโยบายเร่งด่วนจะเน้นการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การฟื้นฟูโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจ็คต์และนโยบายการลงทุนหลักขนาดใหญ่ การพัฒนาคน การเร่งหารายได้เข้ารัฐ โดยจะนำเม็ดเงินมาจาการท่องเที่ยว การให้โอกาสคนยากจนเข้าถึงแหล่งทุน การแก้ไขปัญหาปากท้อง รวมถึงการดูด้านการเงินโดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ

นายนพดลกล่าวว่า สำหรับร่างนโยบายดังกล่าวยังไม่ถือเป็นข้อสรุป โดยพรรคจะนำไปประชุมรับฟังความคิดเห็นกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง คาดว่า จะเป็นวันที่ 26 กันยายน โดยจะมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พปช. เป็นผู้ประสานงานกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ นโยบายรัฐบาลต่อเนื่องจากนโยบายรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช แต่จะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ภายในต้นเดือนตุลาคม

ขณะที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกรณีระบุธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังหาสภาพคล่องให้กับบริษัทประกันภัยที่มีปัญหา โดย ธปท.ได้ติดต่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่งในไทย เพื่อช่วยเหลือปล่อยเครดิตไลน์ให้กับบริษัทที่มีปัญหาว่า ยืนยันว่าไม่มีบริษัทไหนในประเทศไทยมีปัญหา เนื่องจากประเทศไทยอยู่ห่างไกลจากปัญหามาก

"เราอยู่ห่างจากประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 12 ชั่วโมง ฉะนั้น ปัญหาของเรายังห่างไกล จากเขามาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรามีแผนงานต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้พร้อมรองรับกับสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเตรียมสภาพคล่องต่างๆ ไว้ และเมื่อมีสถานีวิทยุแห่งหนึ่งมองว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไร แต่เราก็บอก ไปว่าขณะนี้ ธปท.ได้เตรียมสภาพคล่องต่างๆ ไว้รองรับกรณีที่อาจจะมีบริษัทประกันภัยที่มีปัญหาแล้ว แต่ในความเห็นของนักวิชาการตอนนี้ยังไม่มีบริษัทอะไรในเมืองไทยที่มีปัญหา แต่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพูดแบบนั้นไม่ได้ บอกได้เพียงแต่ต้องเตรียมการรองรับไว้ก่อนจะดีกว่า" นายสุชาติกล่าว


นายสุชาติกล่าวว่า "เรื่องทั้งหมดที่ทำให้เกิดความสับสนขึ้น ถือเป็นความผิดของผมที่พูดไม่ชัดเจนและมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ดังนั้น คงต้องขอโทษทุกคนด้วย จากนี้จะไม่สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นอีก เหมือนเรื่องคนตกใจว่าบ้านไฟไหม้ แล้วรีบวิ่งจนเหยียบกันตายซึ่งต้องระวัง และยืนยันว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ดูแลทุกอย่างเต็มที่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น"สำหรับแนวทางในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่องเงินในระบบ นายสุชาติกล่าวว่า จำเป็นจะต้องรักษาระดับค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งระดับที่มองว่าน่าจะเหมาะสมในขณะนี้คือ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ หากปล่อยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่านี้อาจจะทำให้สินค้าทุนต่างๆ แพงขึ้น แต่คงจะพูดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องอย่าพูด เพราะแนวทางการทำงานของตนจะเน้นการให้นโยบายแต่ไม่ได้ลงไปในรายละเอียด

ส่วนแนวทางในการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคเอกชนที่มีท่าทีผิดหวังต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องพิสูจน์กันในอนาคต เพราะสิ่งที่ต้องการทำที่สุดคือ การแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ให้ชาวบ้านมีเงิน ค่าเงินไม่แข็งจนเกินไป ไม่เช่นนั้นเงินทุนของประเทศจะไม่เข้ามา ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ขึ้น ขณะที่ชาวต่างประเทศเมื่อนำเงินเข้ามาในประเทศซื้อหุ้นและทำกำไร ก็เท่ากับว่ากำไรที่เขาได้รับก็มาจากชาวไร่ชาวนาของไทยที่อยู่เฉยๆ ราคาข้าวก็ลดลงไปจากที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่พูดไปไม่ใช่ว่าจะไปปิดกั้นการลงทุน เพียงแต่ต้องการจะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่องให้ดี

"เรื่องความคาดหวังเชื่อมั่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่คงเรียกร้องอะไรไม่ได้ เพราะต้องดูที่ผลงานด้วย แต่ขอให้ไปถามคนในต่างจังหวัดดูด้วย เพราะเท่าที่ผมลงพื้นที่มาก็ยังเห็นว่าชาวบ้านนิยมชมชอบโครงการรากหญ้า เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็ม แอล) ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" นายสุชาติกล่าว

สำหรับการทำงานร่วมกับ ธปท. นายสุชาติกล่าวว่า จะทำงานตามที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แนะนำ เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และที่ผ่านมาความคิดเห็นที่เสนอไปก็ให้ในฐานะนักวิชาการ นอกจากนี้ ยืนยันว่าเป็นพี่น้องกับ ธปท. ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าแนวทางในการกำกับดูแลนโยบายอัตราดอกเบี้ยระยะต่อจากนี้ควรจะเป็นไปในทิศทางใด นายสุชาติกล่าวว่า เรื่องนี้คงจะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ธปท.ในฐานะผู้รับผิดชอบที่จะต้องดูแลเป็นผู้ตอบคำถามจะเหมาะสมกว่า นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดบริษัทประกันภัยมีปัญหาสภาพคล่อง เพราะบริษัทประกันภัยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหากจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องก็เป็นเรื่องที่ธุรกิจจะติดต่อกันเองระหว่างบริษัทประกันภัยกับธนาคารพาณิชย์ไม่เกี่ยวกับ ธปท.

"ผมไม่ทราบว่า สิ่งที่รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังพูดหมายถึงอะไร เพราะยังไม่ได้เจอกับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.ด้วยว่า มีการรายงานอะไรไปหรือไม่ แต่เท่าที่คุยกับ คปภ.เองก็ไม่ทราบเรื่องและธนาคารก็ไม่ได้รายงานอะไรมาที่เรา เพราะเป็นเรื่องที่เขาจะคุยกันเอง" นายสรสิทธิ์กล่าวนายสรสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้สภาพคล่องของระบบสถาบันการเงินยังดี มีฐานมั่นคง สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐานบีไอเอส เฉลี่ย 15% มากกว่าขั้นต่ำที่ 8.5% แสดงว่าสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่มีสินทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศประมาณ 1% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งถือว่าต่ำมาก นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. กล่าวภายหลังการประชุม เพื่อประเมินผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินของสหรัฐอเมริกาต่อธุรกิจประกันภัยของไทยว่า จากการติดตามสถานการณ์ในเบื้องต้นพบว่ายังไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากสถานภาพของบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย ยังมีอัตราการขยายตัวในระดับสูง และเมื่อตรวจสอบบริษัทประกันภัยในประเทศไทยทั้งหมด 99 แห่ง พบว่ามีเพียง 2 แห่งที่เป็นปัญหาแต่ก็เกิดขึ้นมานานแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าตกใจและขอคืนกรมธรรม์ก่อนกำหนด

สมชาย ลั่นโผ ครม.ลับสุดยอด! พผ.ยังป่วน คนลอนดอนประกาศไม่เอา สุวิทย์!!

สมชาย ยันจัดครม.คนเดียวลับสุดยอด! ปัด ยงยุทธ-เมีย ร่วมเอี่ยว ทูลเกล้าฯ ครม.ใหม่ วันนี้ (22 ก.ย.) สุชาติ ขึ้นชั้นขุนคลัง โกวิท-สมพงษ์-ไชยา นั่งที่เดิม เพื่อแผ่นดิน ยังป่วน คนลอนดอนประกาศไม่เอา สุวิทย์ ลูกพรรคล่าชื่อหนุน สุรเดช ยะสวัสดิ์
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เรียกนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าพบที่บ้านพักย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น. เช้าวันที่ 21 กันยายน เพื่อหารือถึงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ แต่นายสุรชัยได้ออกมาปฏิเสธว่า นายกฯเรียกมาหารือเรื่องการประชุม ครม.ในวันที่ 23 กันยายน ว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องประชุมอยู่หรือไม่ ซึ่งได้ชี้แจงว่า เมื่อมีการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่จำเป็นต้องประชุมอีกขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน (พปช.) กลุ่มภาคเหนือ กล่าวว่า นายกฯได้ขอให้เลขาฯ ครม.ชี้แจงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งภายในวันนี้ (21 กันยายน) น่าจะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพราะทุกอย่างค่อนข้างลงตัวแล้ว เช่นเดียวกับนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ เลขานุการส่วนตัวนายสมชาย ที่กล่าวว่า นายกฯจะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯในวันเดียวกันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสุรชัยเข้าพบนายสมชาย ได้มี ส.ส.พปช.ทยอยเดินทางเข้าพบนายสมชาย เช่น นายบุญทรง นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้า พปช. ฯลฯลั่นจัดการเดียว ลับสุดยอดต่อมาเวลา 17.00 น. นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ส่งรายชื่อ ครม.บางส่วนให้เลขาธิการ ครม.ไปพิจารณาคุณสมบัติแล้ว โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งรายชื่อมาให้แล้ว เหลือเพียงพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ที่จะส่งให้เย็นวันนี้ (21 กันยายน) ในส่วน พปช.ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้เป็นผู้ตัดสินใจ โดยรายชื่อ ครม.มีคนนอกบ้างแต่น้อยกว่าคนใน ซึ่งจะมาดูในด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆผู้สื่อข่าวถามว่า จะทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม.ได้ในวันที่ 22 กันยายนเลยหรือไม่ สมชายกล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด พูดไปก่อนจะเสียหาย เมื่อถามว่า นายยงยุทธ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา ได้ร่วมจัดทำโผ ครม.หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า "เรื่องนี้ผมทำคนเดียวอยู่ในห้อง เป็นความลับสุดยอด ผมและพรรคร่วมที่ส่งรายชื่อมาเท่านั้นที่รู้ ยืนยันได้ 100%Ž"เวลา 17.40 น. นายสมชายได้ออกจากบ้าน โดยให้คนมาแจ้งผู้สื่อข่าวว่า ไม่ต้องติดตามขอเป็นส่วนตัวนายสุขุมพงศ์กล่าวถึงกรณีมีรายชื่อในโผ ครม.ว่า ยอมรับว่านายกฯขอให้มาช่วย ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเคยช่วยงานสมัยนายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรี และขณะนี้รายชื่อ ครม.ไม่มีปัญหาแล้ว สามารถทูลเกล้าฯได้ภายใน 1-2 วันนี้
นายสุวิทย์ คุณกิตติ /br>หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินคนลอนดอนไม่เอา สุวิทย์รายงานข่าวจาก พผ.แจ้งว่า สาเหตุที่ พผ.ส่งโผ ครม.ให้นายสมชายล่าช้า เนื่องจากกลางดึกวันที่ 20 กันยายน แกนนำ พผ.ได้รับการประสานจากการแกนนำ พปช.ว่า ผู้ใหญ่ที่อยู่ลอนดอนไม่เอานายสุวิทย์ เนื่องจากเคยถอนตัวจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีผลทำให้รัฐบาลเกือบล้ม แต่กลุ่มวังพญานาคและกลุ่มโคราชยืนยันว่าต้องมีชื่อนายสุวิทย์เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากในฐานะหัวหน้าพรรค "ตลอดทั้งคืนวันที่ 20 กันยายน และตลอดวันที่ 21 กันยายน แกนนำ พผ.ได้ยืนยันว่า ถึงอย่างไรต้องส่งชื่อนายสุวิทย์เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายมั่น พัธโนมัย เป็นรัฐมนตรีว่าการไอซีที นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายประสงค์ โฆษิตานนท์ โควต้า กลุ่มพญานาค เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่วนนายไชยยศ จิรเมธากร โฆษก พผ. ที่มีชื่อว่าจะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วยต้องหลุดโผในนาทีสุดท้าย" แหล่งข่าวกล่าว ลูกพรรค พผ. ล่าชื่อดัน สุรเดชนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน พผ. แถลง ณ ที่ทำการพรรค ถนนวิทยุ เรียกร้องให้นายสุวิทย์ พิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล สมชาย 1Ž โดยระบุว่า พผ.มี ส.ส.อยู่ 24 คน แต่มีหลายกลุ่ม และ ส.ส.ต้องการให้รัฐมนตรีเป็นตัวแทน ส.ส.ในการบริหารงานบ้านเมือง แต่ในการประชุมพรรคล่าสุดได้แจ้งให้นายสุวิทย์ทราบว่าควรพิจารณาผู้ที่เหมาะสม โดยใช้รูปแบบคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา แต่นายสุวิทย์กลับไม่พอใจอย่างมาก และมีการทุบโต๊ะ " ที่ผ่านมานายสุวิทย์มักตัดสินใจคนเดียว เช่น การตัดสินใจถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.ของพรรคเป็นห่วงว่าอาจจะมีการตัดสินใจผิดพลาด รวมทั้งนายสุวิทย์ ก็เคยแจ้งว่าหากตัดสินใจอะไรก็จะแจ้งกับ ส.ส.ของพรรค แต่ล่าสุด ส.ส.ได้เห็นจากสื่อมวลชนว่า รายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินกลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว" นายปุระพัฒน์กล่าว และว่า การจะเสนอชื่อใครเป็นรัฐมนตรีก็ควรจะแจ้งให้ ส.ส.ทราบบ้างผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวของนายปุระพัฒน์ ได้มีการแจกจ่ายเอกสารประวัติของ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน พผ. รวมทั้งลายมือชื่อ ส.ส.พผ. อาทิ นายปุระพัฒน์ นายสุรเดช ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ปกมนตรี ส.ส.สัดส่วน นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน นายมานพ ปัตทวงศ์ ส.ส.สัดส่วน นายประหอม ไพรคำ นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.นครราชสีมา ให้กับผู้สื่อข่าวด้วยทูลเกล้าฯรายชื่อครม. 22 ก.ย.รายงานข่าวจาก พปช. แจ้งว่า การจัดสรรผู้เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในส่วนของ พปช. นั้น ล่าสุดยังไม่ลงตัวเช่นกัน โดยแกนนำพรรคได้หารือกันในช่วงค่ำวันที่ 21 กันยายน เพื่อจัดวางผู้ที่เหมาะสมในขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะนำรายชื่อทูลเกล้าฯในวันที่ 22 กันยายนนี้ ข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ที่คาดว่า จะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล สมชาย 1 ในตำแหน่งสำคัญๆ มีดังนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เหมือนเดิม โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่งคือ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จาก พปช. และ นายประสงค์ โฆษิตานนนท์ จาก พผ.,กระทรวงการคลัง มีแนวโน้มว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช จะได้รับการสนับสนุนจากแกนนำ พปช.ให้ขึ้นชั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แทน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ขอเว้นวรรค โดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำ พผ. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง,กระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคยังได้ประสานกับ นายสาโรจน์ ชวนะวิรัช อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีชื่อของนายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา กลุ่มวังบัวบาน มีชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการศรีเมือง ชิง รมว.คมนาคมสำหรับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ล่าสุดมีชื่อของ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เป็นแคนดิเดต โดยนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จากพรรคชาติไทยจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และมี นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น ยังอยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการเหมือนเดิม โดยมีนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม จากพรรคชาติ เป็นรัฐมนตรีช่วย ซึ่งจะมีชื่อของ นายธีระชัย แสนแก้ว นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม กลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นแคนดิเดต ในเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ อีก 1 ตำแหน่งสำหรับกระทรวงคมนาคมนั้น ล่าสุด ชื่อของนายสันติ พร้อมพัฒน์ หายไป แต่มีชื่อของนายศรีเมือง เจริญศิริ เป็นแคนดิเดต ซึ่งจะมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายวราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสมพงษ์-ไชยา-มั่น นั่งเก้าอี้เดิมสำหรับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คาดว่ายังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีก นางอุไรวรรณ เทียนทอง จากพรรคประชาราช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ มีชื่อของนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ขณะเดียวกันมีชื่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งต้องพิจารณาใครเหมาะสมในนาทีสุดท้าย และมีนายบุญลือ ประเสริฐโสภา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังมี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมั่น พัธโนทัย เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนสนิทปัด บิ๊กจิ๋ว นั่ง บัวแก้วพล.ท.พิรัช สวามิภักดิ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ถูกทาบทามให้นั่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าไม่น่าจะเป็นจริง เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต มีความคิดว่าอยากช่วยเหลือคนจน ทำเพื่อคนจน เพราะเคยอยู่ในศูนย์ต่อสู้เอาชนะความยากจน (ศตจ.) มาก่อน ดังนั้น ดูแล้วกระทรวงการต่างประเทศไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความตั้งใจของ พล.อ.ชวลิตเมื่อถามว่า รัฐบาลอาจต้องการให้ พล.อ.ชวลิต เข้ามาแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร พล.ท.พิรัชกล่าวว่า ปัญหาปราสาทพระวิหารไม่จำเป็นต้องตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็นรัฐมนตรี เพราะแค่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพูดคุยกับรัฐบาลกัมพูชา 1-2 ครั้ง ทุกอย่างน่าจะแก้ไขได้ เพราะด้วยความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา หาก พล.อ.ชวลิตพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทุกอย่างก็จบ ขณะที่ พล.ท.เชวงศักดิ์ ทองสลวย นายทหารคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามจากนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด


โพสต์ โดย นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID 5131601135
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306106.php

ปชป.ให้ ป.ป.ช.ชี้ขาดเรื่องทรัพย์สินลูกสาวนายกฯ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ส.ว.ยื่นเรื่องตรวจสอบน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนายกฯ ว่า ต้องให้องค์กรอิสระเป็นคนตรวจสอบว่ายื่นถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นการจงใจยื่นจึงทำให้เกิดความผิดพลาด คาดเคลื่อน ดังนั้น เป็นเรื่องขององค์กรที่ต้องชี้ขาดย ดังนั้น นายกฯ หรือไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ควรออกมาให้ความเห็นน่าจะปล่อยเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวว่าถึงการทำงานของครม.เงาว่า ในส่วนของครม.เงาเมื่อถึงเวลาเหมาะสมและจำเป็นก็จะต้องมีสับเปลี่ยน แต่ที่ผ่านมาการตรวจสอบค่อนข้างได้ผล ซึ่งหลายๆ เรื่องก็มีความชัดเจนในแง่ของความผิดพลาดบกพร่องของรัฐมนตรี ส่วนข้อเสนอเชิงนโยบายครม.เงาทำได้เพียงเสนอ ส่วนรัฐบาลจะรับไปทำหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราก็เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


โพสต์โดย นางสาวภัทราสิยากรณ์ ณ นคร ID : 5131601005
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306574.php

ไม่หวั่นจี้สอบทรัพย์ลูกสาว สมชาย เชื่อแค่ประมาท

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เจ้าเก่า เตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. สอบ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตร สาว นายกฯ โยนให้ไปช่วยกันคิดเองว่าเป็นยังไง
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (23 ก.ย.) กรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบ นางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาว หลังตรวจสอบพบว่าไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อายัดไว้ต่อ ป.ป.ช.ว่า ยังไม่ทราบข้อมูล เนื่องจากบุตรสาวยังไม่ได้นำเรื่องมาหารือนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจต่อกรณีนี้ เพราะหากเป็นความประมาทของบุตรสาวก็แก้ไขได้ คงไม่เป็นไร ส่วนกรณีมีการระบุว่า กรณีดังกล่าวอาจเป็นเกมการการเมืองของฝ่ายตรงข้าม เพื่อดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีและคนใกล้ชิด หรือมีการตั้งธงเรื่องนี้ไว้ ตนไม่รู้ ก็ไปช่วยกันคิดว่าเป็นยังไง


โพสต์โดย นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID : 5131601043
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306506.php

กลุ่มสตรีพะเยาฮือต้านการ์ด พธม.

ปลุกองค์กรดูแลสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน แสดงพลังประณามการกระทำการ์ดพธม.ประจานหญิงบริการ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ และเหยีบย่ำความเป็นคน
การ์ดพันธมิตรนางเจริญศรี ไชยขัติย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา ออกมาเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ที่ดูแลด้านสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน ออกมาแสดงพลังการเคลื่อนไหว ต่อกรณีที่การ์ดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรวจสอบหญิงบริการคนหนึ่งที่เข้าไปในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เหมือนเป็นผู้กระทำความผิด โดยมีการติดรูปประจานไปทั่วบริเวณที่มีการชุมนุม ถือได้ว่าไม่ให้เกียรติและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นคนซึ่งเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคนและประชาชนใน โลกนางสุพิน กัลยา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ดงสุวรรณ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา กล่าวว่า ไม่อาจจะยอมรับพฤติกรรมของการ์ดพธม.ที่กระทำต่อสตรีผู้หญิงคนดังกล่าวได้ ที่ผ่านมา พธม.พยายามแสดงเจตนารมณ์คล้ายกับการต่อสู้เพื่อประชาชน และสังคมไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งการกระทำของการ์ด พธม.กลับแสดงความย่ำยีเกียรติของคนไทยด้วยกันเองซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่สามารถยอมรับได้ เพราะหญิงบริการก็เป็นคนขณะที่นางสาวอารีย์ อ้อยหอม ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด(กพส.จ.) พะเยา กล่าวว่า ทำไมกลุ่มแกนนำทั้ง 5 คน ของ พธม.จึงไม่ออกมาแสดงการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง หรือตักเตือนการกระทำของการ์ด พธม.ให้เคารพสิทธิความเป็นคนของผู้อื่นบ้าง ภาพที่ออกมาสู่สายตาของสาธารณชนทำให้ภาพการต่อสู้ทางการเมืองของ พธม.ที่ดูเหมือนจะมีคุณต่อประชาชน และบ้านเมืองกลับด้อยค่าลงไปทันที หาก พธม.ยังไม่รีบแก้ไขในพฤติกรรมของการ์ด พธม. สุดท้ายทางลงของ พธม.อาจจะไม่ได้รับความเชื่อถือเช่นที่ผ่านมา.



โพสต์โดย นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID : 5131601135
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306456.php

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

"พันธมิตร"ถกร่วมนักวิชาการหารือแนวทางการเมืองใหม่ ยันไม่รีบเจรจา"สมชาย"รอตั้งครม.เสร็จก่อน

แกนนำพันธมิตรฯประชุมวงเล็กนักวิชาการเย็นนี้ เรื่อง"แนวทางการเมืองใหม่" พร้อมเจรจากับ "สมชาย"ภายใต้ 2 เงื่อนไข ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลพลังประชาชนต้องออกไป ยันไม่ใจอ่อนหลังนายกฯโทร.คุย บอก ส.ส.ยิ่งรุมทึ้งเก้าอี้ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้พันธมิตร "จงรัก" ปัดข่าวสลายวันที่คนน้อย ระบุแกนนำเข้าใจผิด
"จำลอง"เผยถกแนวทางการเมืองใหม่ร่วมนักวิชาการเย็นนี้
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เวลา 14.00-17.00 น.วันนี้ (21 ก.ย.) จะมีการประชุมเรื่องแนวทางการเมืองใหม่ โดยประกอบด้วย แกนนำพันธมิตรฯ นักวิชาการ ที่เคยเสนอความเห็นเกี่ยวกับการเมืองใหม่ ประมาณ 10 คน เพื่อกำหนดแนวทางการเมืองใหม่ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟัง สำหรับการเจรจากับรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไขนั้น ขณะนี้ยังไม่มีรับการติดต่อมา ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เร่งรีบที่จะเจรจา และไม่เร่งรัดนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นใจว่า รัฐบาลต้องตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน เมื่อนายกฯพร้อม ก็สามารถติดต่อมาได้ เพราะเราไม่ปิดกั้นการเจรจา

ส่วนที่รัฐบาลได้เจรจากับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องสอบถามนายสนธิเอง เพราะตนยังไม่ได้พบกับ นายสนธิ และวันนี้นายสนธิอาจไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย เพราะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย

เมื่อถามถึงกรณีตำรวจจะมีการสลายการชุมนุมช่วงเช้ามืด ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ย.นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คนที่ส่งข่าวมาให้เป็นผู้ปรารถนาดี ไม่ได้ปรารถนาร้าย ซึ่งแกนนำยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ตำรวจ ผู้ชุมนุมอยู่กันตามปกติ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการมาจับก็สามารถจับได้ หากคิดว่าสลายการชุมนุมแล้วมีผลดีตามมา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมไม่มอบตัวเพื่อสู้คดี เมื่อชนะคดีก็เป็นความชอบธรรมในการชุมนุม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่อยู่อย่างนี้ก็เป็นความชอบธรรม กลุ่มพันธมิตรฯ จะรอให้ศาลวินิจฉัยการอุทธรณ์ก่อน เรื่องคดีมีนักกฎหมายผู้ใหญ่แสดงความเป็นห่วงว่าหากไปมอบตัว อาจจะมีปัญหา เพราะเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งกัน

สรส.1พันสมทบ-น.ศ.จัดแฟชั่นกู้ชาติ
เวลา 13.00 น. สมาชิก สรส.ประมาณ 1,000 คน สวมเสื้อสีชมพูเดินทางมายังลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 เพื่อบวงสรวงสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ และวันรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย จากนั้นได้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำผลัดขึ้นอภิปรายบนเวที สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรและคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
เวลา 16.00 น. กลุ่มแนวร่วมนิสิตนักศึกษาได้เปิดเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ แสดงกิจกรรมแฟชั่นโชว์กู้ชาติ การแสดงดนตรี และการจัดเสวนาเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ซึ่งดึงดูดความสนใจให้กับผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางมารวมตัวกันในช่วงบ่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบนถนนประวัติศาสตร์การเมือง เช่น นิทรรศการภาพถ่ายการเมือง การวาดภาพการตูนล้อเลียนนักการเมือง และเกมเตะแพะตัวที่สอง
"จงรัก" ปัดข่าวสลายวันคนน้อย
ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุม จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมในคืนวันที่ 19 กันยายน เป็นไปโดยความเรียบร้อย มีผู้เข้าร่วมชุมนุมในส่วนของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามหลวง ประมาณ 6,000 คน ส่วนกลุ่มพันธมิตรมี 2,000-3,000 คน ส่วนกรณีที่ พล.ต.จำลองระบุในวันที่ 22-23 กันยายน จะมีตำรวจภูธรมาสลายการชุมนุม จับกุมแกนนำนั้น อาจจะเป็นความเข้าใจของ พล.ต.จำลองเอง ขอยืนยันว่าตำรวจจะยังไม่สลายการชุมนุม จะใช้แค่วิธีการที่นุ่มนวลเท่านั้น อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ยังไม่มีการยกเลิกหมายจับ ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่การเข้าไปจับกุมแล้วสร้างความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ตำรวจจะต้องพิจารณาด้วย หมายจับมีอายุความนานถึง 20 ปี
พล.ต.อ.จงรักกล่าวถึงกรณีที่นายกฯโทร.ขอเจรจากับนายสนธิว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ คงเป็นความปรารถนาดีของนายกฯที่อยากจะให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย
"ปชป." วอนพธม.-นปช. เคารพสื่อ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เงา) กล่าวแสดงความเป็นห่วงการทำงานของสื่อมวลชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นปช. โดยเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคตให้เคารพในการทำงานของสื่อ เพราะเชื่อมั่นว่าสื่อทำงานตามวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา มากกว่าเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง จึงควรเคารพในการทำงานซึ่งกันและกัน และคิดว่าจะได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
งง! สมชายชูสันติแต่ส.ส.จัดม็อบ
นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ นปช.นำม็อบมาชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อคืน วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่า ข้องใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องการความสมานฉันท์จริงหรือไม่ แต่ทำไมจึงปล่อยให้คนของพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำพาคนมาชุมนุม หากรัฐบาลอยากจะแก้ปัญหาจริง จะให้กลุ่ม นปช.มาชุมนุมกันทำไม เพราะอาจเกิดความวุ่นวายถึงขั้นเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้
"จำลอง" ยันไม่ใจอ่อน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน โดย พล.ต.จำลอง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวซึ่งถามถึงท่าทีพันธมิตรที่อ่อนลงหลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์คุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรเพื่อขอนัดเจรจา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมเปิดเจรจากับรัฐบาลว่า อย่าใช้คำว่าท่าทีอ่อนลง เท่าที่นายสนธิเล่าให้ฟัง นายสมชายโทร.มาติดต่อขอเจรจา และถามสารทุกข์สุกดิบ เท่านั้นจริงๆ ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เป็นคนไทยด้วยกัน หากต้องการมาพูดคุยก็มาได้ตลอดเวลา เพราะพันธมิตรไม่ใช่พวกใหญ่โตอะไร ใครมาพูดคุยด้วยก็น่ายินดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาว่าจะมาเมื่อไหร่ ยังไม่มีการส่งตัวแทนมาเจรจา และทางพันธมิตรไม่ได้มอบหมายใครเป็นพิเศษในการเปิดเจรจา แกนนำทุกคนเปิดกว้าง สามารถโทร.มาคุยกับทุกคนได้ตลอดเวลา เมื่อได้ผลการเจรจาก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมแกนนำอีกครั้ง
พร้อมเจรจาภายใต้2เงื่อนไข
"พันธมิตรไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องเจรจากับนายกฯเพียงคนเดียว แต่ถ้าจะส่งตัวแทนมาก็ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจและน่าเชื่อถือ โดยต้องอยู่บนฐาน 2 ข้อ คือ 1.ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และ 2.รัฐบาลพรรคพลังประชาชนต้องออกไป อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้พูดคุยเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ กับนายสมชาย ทางกลุ่มแกนนำยังต้องหารือกันก่อน คิดว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะหน้าที่เร่งด่วนของนายสมชายขณะนี้คือจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน" พล.ต.จำลองกล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ระบุว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรเป็นการช่วยพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล พล.ต.จำลองกล่าวว่า นางสุดารัตน์บอกว่าไม่ยุ่ง แต่ก็เข้ามาจุ้นจ้าน ถึงถูกศาลพิพากษาไปแล้วก็ยังเข้ามาจัดโควต้ารัฐมนตรีได้ทุกครั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพันธมิตรต้องเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะการเมืองเก่าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ต้องแย่งโควต้ารัฐมนตรีกัน เพราะซื้อเสียงเข้ามาต้องมาถอนทุน มันเป็นแบบนี้เป็นวงจรอุบาทว์ พันธมิตรไม่ได้ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต่อต้านการซื้อเสียงการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อกลับไปซื้อเสียง เพื่อจะเข้ามาเป็นรัฐบาลให้ได้ การเมืองเป็นอย่างนี้ประเทศชาติไปไม่รอด ทางรอดคือการเมืองใหม่
รุมทึ้งเก้าอี้พันธมิตรยิ่งชอบธรรม
"ยิ่งมีการแย่งตำแหน่งกันมากเท่าไหร่ก็เป็นความชอบธรรมของพันธมิตร ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นที่สาธารณชนสนใจ" พล.ต.จำลองกล่าวทางด้านนายพิภพกล่าวถึงการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการเมืองใหม่ว่า ในวันที่ 21 กันยายน จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นในทำเนียบ มีนักวิชาการและตัวแทนกลุ่มวิชาชีพบางส่วนมาร่วมแสดงความเห็น เมื่อได้โครงร่างจากเวทีนี้ก็จะนำไปสู่ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรเพื่อมาประกาศเป็น "ตุ๊กตา" ในวันที่ 22 กันยายน เพื่อให้สาธารณชนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ารูปแบบที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอสัดส่วน ส.ส. เป็น 50 ต่อ 50 ก็จะนำสูตรนี้มาประกอบการเสวนาด้วย
ยันข่าว "ตร." กะลุย3วันคนน้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวกำลังตำรวจจากทั่วประเทศเข้ามาปราบกลุ่มพันธมิตรในวันที่ผู้ชุมนุมน้อยอย่างวันจันทร์ อังคาร พุธ แล้วพันธมิตรจะดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่า กระแสข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวมาแล้ว เพียงแต่ตำรวจคงคิดหน้าคิดหลังอยู่ หากเข้ามาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบจริง อาจมีเรื่องวุ่นวายตามมา อย่างครั้งที่แล้วที่ตำรวจใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ก็ทำให้รัฐวิสาหกิจหยุดงาน เพราะไม่เห็นด้วยกับการปราบผู้ชุมนุม คนที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายของการหยุดงานคือ ตำรวจและรัฐบาลไม่ใช่ผู้ชุมนุม หรือรัฐวิสาหกิจ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า พันธมิตร จ.ศรีสะเกษ แจ้งข่าวมาว่า ในวันที่ 22-23 กันยายน ช่วงเช้าจะมีคนน้อย ตำรวจอาจจะสลายม็อบ หากมีการสลายม็อบจริง สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย (สรส.) จะนัดหยุดงานอีกแน่นอน
ขณะที่ พล.ต.จำลองกล่าวเสริมว่า หากสลายม็อบจริงแล้วมีการจับแกนนำ อาจเกิดเหตุอย่าง "พฤษภาทมิฬ" แน่นอน

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

2ปีรัฐประหาร กับ2ขั้ว2แนวทางในพปช

2ปีรัฐประหาร กับ2ขั้ว2แนวทางในพปช.

ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ให้นายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเข้าข่ายเป็น "ลูกจ้าง" จากการเป็นพิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป"
จังหวะแรกพรรคพลังประชาชนประกาศท่าทีชัดเจนว่าจะ "สู้" ตามกรอบของรัฐธรรมนูญและกระบวนการรัฐสภา โดยยืนยันว่า ในเมื่อนายสมัครยังเป็น ส.ส. ยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ครองเสียงข้างมาก และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
ซึ่งเมื่อรับทราบผลหารือนายสมัครก็ขานรับทันทีว่าพร้อมจะสู้ต่อไปเพื่อรักษาประชาธิปไตย จะไม่ยอมถอย และไม่ยอมแพ้ต่อ "อำนาจมืด"แรกๆ 5 พรรคร่วมรัฐบาลก็ยืนยันเช่นกันว่าจะไม่เปลี่ยนขั้วและพร้อมสนับสนุนนายกฯคนใหม่ที่พลังประชาชนเลือกแต่ในคืนวันที่ 11 กันยายน ก่อนการเสนอชื่อนายสมัครต่อสภาฯ ภายในพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนัก
เมื่ออดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนเริ่มเดินเกมทั้งใน-นอกพรรค แถมยังอ้อมไปแตะซีกฝ่ายค้าน ท่ามกลางแรงกดดันพิเศษจากฝ่ายทหารที่แผ่ซ่านไปทุกกลุ่มเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน คือ นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 จะต้องไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันว่า หากเป็นคนนี้ ก็ไม่พ้นนองเลือด และหากจะรักษาประชาธิปไตย ก็ไม่จำเป็นว่านายกฯต้องชื่อสมัครในที่สุดก็นำไปสู่เหตุสภาล่มในเช้าวันรุ่งขึ้น สร้างความสับสนแก่คนทั้งประเทศ ขณะที่นายสมัครเริ่มถอย "ผมไม่เอาแล้ว ผมอายเค้า" ก่อนเก็บตัวเงียบอย่างรู้อนาคต พรรคพลังประชาชนต้องกลับมานับหนึ่งใหม่ โดยกลุ่ม ส.ส.อีสานกว่า 70 คน ในนาม "เพื่อนเนวิน" ที่รับไม่ได้กับการพลิกมติ เริ่มเดินเกมตอบโต้และเลือกที่จะชู นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค มาเป็นตัวเลือกใหม่
หลังกระแสต้านนายสมัครทำท่ารุนแรงจนเจ้าตัวออกอาการถอดใจเป็นการเดินเกมตอบโต้และต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่ดำเนินไปภายในพรรคเป็นหลัก ท่ามกลางการข่าวปล่อยผ่านไปในหมู่นักธุรกิจบางส่วนว่า นายเนวิน ชิดชอบ แม่ทัพคนสำคัญของซีกฝ่ายนี้กำลังต่อสายไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าพร้อมเปิดตำนาน "งูเห่าภาค 2" นำ ส.ส.ในกลุ่มไปซบหากคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ข่าวที่ว่าก็หักล้างไปโดยตัวมันเองเมื่อสุดท้ายหลังมีการพูดคุยทำความเข้าใจและ "ต่อรอง" กันภายในพรรคจนตกผลึก กลุ่มนี้ก็ยอมเปลี่ยนท่าทีมาหนุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติใหม่ของพรรคในที่สุดหากตัดประเด็นตัวบุคคลที่นายสมัครอาจเป็นคนแข็งกร้าว ไม่ประนีประนอม
ขณะที่นายสมชายมีบุคลิกตรงกันข้าม จึงเป็นตัวเลือกใหม่ที่ดูเหมือนเหมาะสมกว่า แม้ว่าเขาคือ น้องเขย ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกหวาดระแวงกว่าการเป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นที่นายสมัครถูกกล่าวหานี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพรรคพลังประชาชน ท่ามกลางการต่อสู้ 2 แนวทางของ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยึดเอาการต่อสู้ขับเคี่ยวภายในพรรคเป็นหลัก กับกลุ่มที่ถนัดเกมล็อบบี้ทุกทิศทางแม้กระทั่งฝ่ายค้านและกลุ่มทหารที่จ้องโค่นล้ม ภายใต้ข้ออ้าง "เพื่อความสมานฉันท์" ส่วนแนวทางไหนหรือใครกันแน่ที่ได้แรงหนุนจากแดนไกล ขอไม่กล่าวถึงทว่าผลที่ตามมาคือ รอยร้าวลึกในพรรคพลังประชาชนที่พร้อมแยกเป็น 2 เสี่ยงในไม่ช้า เข้าทางเจตนารมณ์แผนบันได 4 ขั้นของ คมช.
หลังจากที่การรัฐประหารมุ่งล้มล้างพรรคไทยรักไทยและรัฐบาลทักษิณ ล่วงเข้าปีที่ 2 จึงไม่แปลกที่หลังโหวตเลือกนายสมชายเป็นนายกฯจบสิ้นลง โดยที่พรรคพลังประชาชนยังสามารถรักษาความเป็นเอกภาพไว้ได้โดยพื้นฐาน ก็เริ่มมีสัญญาณออกมาอย่างชัดเจนจาก นพ.สุรพงษ์ หนึ่งในกลุ่มที่ถูกจงใจขนานนามว่า "แก๊งออฟโฟร์" ที่ประกาศขอวางมือจากตำแหน่งทางการเมืองโดยอ้างเหตุคดีหวยบนดิน
หลังจากที่บทบาทหลักในการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ซึ่งเดิมเป็นของเลขาธิการพรรคแกนนำ ถูกช่วงชิงไปอยู่ในมือ "แก๊งออฟทรี" คือ ยงยุทธ ติยะไพรัช, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เรียบร้อยคำถาม คือ ท่ามกลางการจ้องทำลายพรรคและนักการเมือง ท่ามกลางการต่อสู้ 2 แนวทางดังกล่าว และท่ามกลางภาวะแตกแยกอันสะท้อนถึงความอ่อนแอของระบบพรรคการเมืองที่ยังห่างไกลจากความเป็นสถาบัน ประชาธิปไตยของไทยจะพัฒนาเข้มแข็งต่อไปได้ด้วยวิถีทางใด โดยไม่ถอยหลังเข้าคลองไปกับ "การเมืองใหม่" อันย้อนยุค