วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
พันธมิตรฯเล็งร้องป.ป.ช.ฟัน ขรก.ยันนายกฯปล่อยม็อบชนม็อบ
วันนี้ (27 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรพลังประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 29 ก.ค.นี้ กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมด้วยทนายความและผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่จังหวัดอุดรธานี จะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นข้าราชการและตำรวจ นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมาย เพื่อจะขยายผลการร้องทุกข์กล่าวโทษไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ และมีการสั่งการจากส่วนกลาง
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เบื้องต้นกลุ่มพันธมิตรฯ จะหารือกับสภาทนายความเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลโยกย้ายตำรวจและข้าราชการในจังหวัดออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราวระหว่างการดำเนินคดี กลุ่มพันธมิตรฯ มั่นใจว่า การดำเนินต่าง ๆ จะได้รับการตอบสนองจาก ป.ป.ช.เป็นอย่างดี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายกับเหตุการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แต่มีความรุนแรงมากกว่า
update by : Patcharin Udomwong 5131601138
วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
เตือนไทยระวังเสีย เกาะกูด ซ้ำรอย ปราสาทพระวิหาร
อดีตผบ.หน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง เตือนไทยระวังเสีย'เกาะกูด'ซ้ำรอย'ปราสาทพระวิหาร'อดีตผบ.หน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง เตือนไทยระวังเสีย'เกาะกูด'ซ้ำรอย'ปราสาทพระวิหาร' หวั่นกระทบเส้นเขตแดนอ่าวไทยสูญแหล่งพลังงานมูลค่ามหาศาล รายได้นับแสนล้านต่อปี ร้อง'แม้ว'เผยข้อมูลคุย'ฮุนเซ็น' เผยสหรัฐฯส่งเรือรบรุ่นใหญ่เทียบท่าเขมรแล้ว พร้อมโดดร่วมสงครามมติชนออนไลน์ - พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมย์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง(นปข.) กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า เกิดจากเมื่อครั้งประเทศกัมพูชาตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ขีดเส้นแบ่งเขตแดนจนทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.ขึ้น เช่นเดียวกับเส้นแบ่งเขตแดนในทะเลที่ฝรั่งเศสขีดเส้นเขตไหล่ทวีป ซึ่งเป็นเส้นแสดงความนัยยะเป็นเจ้าของ มีสิทธิอธิปไตยในทรัพยากรใต้ท้องทะเล เช่น ฟอสซิล ก๊าซและน้ำมัน โดยเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเริ่มจากหลักเขตแดนที่ 73 บริเวณบ้านหาดเล็ก จ.ตราด ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ผ่านพื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะกูด ต่างจากเส้นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งเริ่มจากหลักเขตแดนที่ 73 เหมือนกัน แต่ไปในทางทิศใต้และไม่ผ่านพื้นที่เกาะกูด เพราะถือว่าเกาะกูดเป็นของไทยตั้งแต่แรก เมื่อเส้นเขตไหล่ทวีปของทั้งสองประเทศไม่ตรงกัน จึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปมากกว่า 20,000 ตร.กม. พล.ร.ท.ประทีป กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปดังกล่าวนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2550 กัมพูชาประกาศว่า ได้ให้บริษัท Chevron Corp ของสหรัฐอเมริกาขุดสำรวจและพบว่าเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขนาด 6,278 ตร.กม. ประกอบกับผลการศึกษาของสหประชาชาติ ธนาคารโลกและมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คาดว่าแหล่งพลังงานดังกล่าวจะมีน้ำมันดิบประมาณ 2,000 ล้านบาร์เรลและก๊าซธรรมชาติประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นรายได้มหาศาลสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ต่อปี นอกจากนี้กัมพูชาประกาศว่าจะนำน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติขึ้นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ในปี พ.ศ.2550 จึงน่าสังเกตุว่าเหตุใดประเทศไทยจึงยอมให้กัมพูชาขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลได้'เขาพระวิหารจะเป็นบทเรียนในอนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าปัจจุบัน กรณีเขาพระวิหาร เราสูญเสียแค่อำนาจอธิปไตยความเป็นชาติและโบราณวัตถุ และสูญูเสียความรู้สึก แต่ในทะเลนอกจากเสียอำนาจอธิปไตยแล้ว จะสูญเสียทรัพยากรที่เป็นมูลค่าที่จับต้องได้อีกมหาศาล' อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง กล่าวนอกจากนี้ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขงกล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ. 2544 ได้มีการตกลงในบันทึกความเข้าใจ(MOU) ภายใต้คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (Thai-Cambodian Joint Technical Committee – JTC) ซึ่งมีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายไทย และนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานฝ่ายกัมพูชา โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนด เงื่อนไขที่ตกลงร่วมกันของสนธิสัญญาการพัฒนาร่วม การแบ่งปันค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ของการแสวงประโยชน์ทางทรัพยาการปิโตรเลียมในพื้นที่ ส่วนการแบ่งเขตทะเลอาณาเขต ไหล่ทวีป และเขตเศรษฐกิจจำเพาะระหว่างเขตที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิอยู่ในพื้นที่ที่ต้อง 'แบ่งเขตตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งใช้บังคับ' ทั้งนี้ หากมีการแบ่งเขตตามที่ระบุไว้ ต้องระวังอย่างมาก เพราะไทยอาจเสียเกาะกูดซ้ำรอยปราสาทพระวิหาร และอาจทำให้พื้นที่เขตไหล่ทวีปเปลี่ยนแปลงและได้พื้นที่ในอ่าวไทยน้อยลง พล.ร.ท.ประทีป กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนกัมพูชา เพื่อเจรจากับฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ทำความตกลงพัฒนาร่วมทรัพยากรปิโตรเลียมและแบ่งเขตทางทะเล ซึ่งยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดในข้อตกลงในเรื่องส่วนการแบ่งผลประโยชน์เลย จึงอยากเรียกร้องให้เปิดเผยรายละเอียดความคืบหน้าของการตกลงทั้งสองกรณีดังกล่าว อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง(นปข.) กล่าวทิ้งท้าย ที่น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่ง คือพฤติกรรมของสหรัฐฯ ในระยะนี้ โดยเฉพาะการสร้างสถานทูตในกรุงพนมเปญใหญ่กว่าสถานทูตประจำประเทศไทย รวมทั้งได้ส่งเรือรบพิฆาตนำวิถีขนาดใหญ่เทียบท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ไม่เคยจอดเทียบท่าดังกล่าวมาก่อน เหมือนมีนัยยะจะแสดงพลังบางอย่าง ทำให้เกิดความกังวลว่า หากเหตุการณ์พิพาทบานปลายกลายเป็นความรุนแรงระดับสงคราม การรบในครั้งนี้ไทยคงไม่ได้สู้กับกัมพูชาเพียงประเทศเดียวเท่านั้น โพสต์โดย : นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
สำรวจริมรั้ว...ไทย-เขมร

จากกรณี “ปราสาทพระวิหาร” ถึงวันนี้ความตึงเครียดดำเนินสู่สถานการณ์ไม่พึงประสงค์หรือไม่-อย่างไร ?? ก็อย่างที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ณ ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ไทย-กัมพูชาจะเสริมกำลังชายแดน ก่อนที่ไทยจะตีกันเองจนเลือดสาด กับชายแดนไทย-กัมพูชาจุดอื่นบางจุด...ก็มีแง่มุมน่าสนใจ
อย่างเช่น “ชายแดนด้านอรัญประเทศ-ปอยเปต”
อย่างเช่นที่ “ตลาดโรงเกลือ” แหล่งค้าขายสำคัญ
ทั้งนี้ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้ส่งทีมไปกับคณะของกรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ด้านการพัฒนาของฝ่ายทหารบริเวณพื้นที่ชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นด้านที่มีข่าวว่าทางการไทย-กัมพูชาจะร่วมประชุมหารือกันในวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยจากการสังเกตการณ์นอกรอบก็มีแง่มุมเกี่ยวกับคนไทย-คนกัมพูชาที่น่าสนใจ ที่ไม่เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร
ณ พื้นที่ด้านนี้ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามอรัญประเทศของไทยคือเมืองปอยเปต จ.บันเตเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งก็อย่างที่หลายคนทราบคือพื้นที่บริเวณนี้ ทางฝั่งไทยเรามีแหล่งการค้า “ตลาดโรงเกลือ” เป็นแลนด์มาร์ค สำคัญ ที่ทั้งไทย-กัมพูชาทำมาหากินร่วมกันอยู่ ขณะที่ฝั่งกัมพูชามีดง “กาสิโน” เป็นไฮไลต์ มีกาสิโนหลายแห่ง
บริเวณจุดผ่านแดนถาวรด้านอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของนักพนันจากไทย ณ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมานั้น บรรยากาศบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยออกไปปอยเปต...ยังคงคึกคัก มีทั้งชาวไทยและต่างชาติต่อคิวเข้าแถวเพื่อรอยื่นเอกสารผ่านแดนเต็มเกือบทุกช่อง โดยด้านนอกก็มี “กองทัพรถเข็น” ของ “แรงงานกัมพูชา” หลายสิบชีวิตรอคำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ข้าวของส่วนใหญ่ที่มีการรอขนไปยังฝั่งกัมพูชา ก็มีตั้งแต่ข้าวสารอาหารแห้ง ไปจนถึงเครื่องดื่มสารพัด
ขณะที่ในจุดตรวจฝั่งขาเข้ามาจากกัมพูชาสู่ไทย ก็พบว่ามีแรงงานรับจ้างชาวกัมพูชาชักแถวรอยื่นเอกสารเข้าเมืองกันเนืองแน่นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ รวมไปถึงมีขบวนรถเข็นไม้ล้อลากหลายสิบคันที่รอขออนุญาตข้ามแดนมาฝั่งไทยเพื่อรับจ้างขนสินค้ากลับไป ซึ่งโฟกัสเฉพาะจุดนี้เหตุการณ์ดูจะปกติเหมือนที่เคยเป็นมา
สภาวการณ์ในวันนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะตึงเครียดแต่อย่างใด
แรงงานหนุ่มกัมพูชารายหนึ่งบอกกับทีม “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... มีอาชีพรับจ้างเข็นรถเข้ามาเพื่อซื้อและขนสินค้าไทยนำกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ซึ่งเขาทำอาชีพนี้มาได้หลายปีแล้ว จึงพูดภาษาไทยได้บ้าง โดยจะมีรายได้จากค่าจ้างในอัตรารอบละ 30-100 บาท ขึ้นกับการตกลงกับผู้ว่าจ้างหรือปริมาณของที่ต้องขน
“วันนี้ครัวในบ่อนแห่งหนึ่งจ้างให้เข้ามาหาซื้ออาหาร พวกเนื้อ ปลา ผักสด”...แรงงานหนุ่มกัมพูชารายนี้บอกพลางชี้ให้ดูข้าวของที่กองพะเนินอยู่เต็มรถเข็น และยังกล่าวด้วยว่า... “รายได้ก็พออยู่ได้ ดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะผมไม่มีที่ดินไว้เพาะปลูก ถ้าไม่มีงานตรงนี้ผมก็ไม่รู้จะไปทำอะไร”
บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองในตอนนั้น บรรยากาศยังคึกคัก อย่างไรก็ตาม กับ “ตลาดโรงเกลือ” ตลาดการค้าชายแดนที่สำคัญในฝั่งไทย กลับตกอยู่ในความเงียบเหงา แม้จะมีคนเดินจับจ่ายซื้อของ บ้างก็เดินกางร่มเลือกซื้อหาต่อรองราคาสินค้า บ้างก็ใช้วิธีขับรถกอล์ฟที่มีบริการให้เช่า แต่โดยรวมก็ดูบางตา ที่มีมากหน่อยก็เห็นจะเป็นลูกจ้างชาวกัมพูชาที่ยืนกระจายตัวอยู่แทบทุกซอยและทุกหัวมุมถนนในตลาดโรงเกลือ
“ลูกค้ามีน้อยลงเยอะ” ...เป็นเสียงบอกเล่าของหญิงสาวชาวกัมพูชาในร้านขายสินค้าเครื่องหนัง ซึ่งเธอยังบอกอย่างฉะฉานด้วยภาษาไทยสำเนียงเขมรต่อไปว่า... ที่ลูกค้าบางตาไปเยอะส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีตลาด ย่อย ๆ กระจายตัวมากขึ้น ไม่ได้รวมกลุ่มเป็นตลาดเดียวเหมือนเดิม ลูกค้าก็เลยกระจายไป ซึ่งก็ถือว่ายังพอขายได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาซื้อทีละเยอะ ๆ เพื่อนำไปขายต่อ มากกว่าลูกค้าจรหรือนักท่องเที่ยว
ถามว่าเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร-ปราสาทพระวิหารหรือเปล่า ? “คิดว่าคงไม่ใช่ น่าจะเพราะน้ำมันแพง เศรษฐกิจไม่ดี คนเลยไม่ค่อย ชอปปิงมากกว่า”...เป็นคำตอบจากหญิงสาวกัมพูชาคนนี้
ประเด็นนี้ก็สอดคล้องกับมุมมองของเจ้าหน้าที่ไทยรายหนึ่งที่ด่านอรัญฯ ที่บอกไว้เมื่อกลางเดือน ก.ค.ว่า... เรื่องเขาพระวิหารยังไม่ส่งผลต่อคนไทย-คนกัมพูชาที่จุดนี้ “เพราะวิถีชีวิตที่นี่ผูกติดกับเศรษฐกิจมากกว่าเรื่องอื่น” ที่นักท่องเที่ยวน้อยลงก็คงเพราะเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มนักพนันไม่ต้องพูดถึง ถ้าด่านไม่ปิด โดยเฉลี่ยก็ยังมีผ่านเข้า-ออกวันละ 2,500-3,500 คน ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวอาจถึง 4,000-5,000 คน
ด้านแหล่งข่าวทหารรายหนึ่งก็บอกคล้ายกันในวันเดียวกันว่า... ความสัมพันธ์ของคนไทย-กัมพูชาบริเวณนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบจากกรณีเขาพระวิหาร เพราะส่วนใหญ่มองว่าไม่ใกล้ตัวเหมือน “เรื่องปากท้อง” พื้นที่นี้คนกัมพูชาจำเป็นต้องอาศัยไทยหลายด้าน ทั้งเรื่องปากท้อง ธุรกิจการค้า ซึ่งถ้ามีการ “ปิดด่าน” เชื่อว่าไทยจะไม่มีผลกระทบอะไรมาก ยกเว้นกับผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มเท่านั้น ที่รายได้อาจขาดหายไป
ทิ้งท้าย ทหารนายนี้ชี้ไว้ว่า... เพราะผลประโยชน์มันผูกกันอยู่ ทั้งธุรกิจเรา ธุรกิจเขา อีกทั้งความสัมพันธ์ระดับชาวบ้านล่าง ๆ ก็ดี ดูอย่างตลาดโรงเกลือ ร้อยละ 80 คนเขมรทั้งนั้น คนไทยที่ทำกันจริง ๆ แค่ร้อยละ 20
“ก็ลองคิดดู ถ้าปิดด่าน ทางนั้นจะกระเทือนแค่ไหน ? แม้จะมีเหตุการณ์อะไร และทางเราจะปิดด่าน แต่ฝั่งนั้นก็คงจะไม่อยากให้ปิดหรอก !!”.
update by : Patcharin Udomwong 5131601138
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
อัยการฟ้อง"จำเลยแม้ว"ออกกฎหมายเอื้อธุรกิจครอบครัว
วันนี้(11 ก.ค.)เวลา 11.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ประธานคณะทำงานรับผิดชอบสำนวนคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)ได้มอบหมายให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อยืนฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายวัฒวุฒิ กล่าวว่า สำนวนที่ คตส.ส่งให้อัยการ อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสมบูรณ์เพียงพอ ที่จะยื่นฟ้องคดีได้ จึงดำเนินการสั่งฟ้องคดี และให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลในวันนี้
โดยการยื่นฟ้องวันนี้ นายเศกสรรค์ ได้นำคำฟ้องพร้อมสำนวน จำนวน 3 กล่องใหญ่ 19,993 แผ่น ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 152 และ 157 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที๋โดยมิชอบ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ทั้งนี้ ในท้ายคำร้องระบุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับโทษต่อจากคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก
รายละเอียดคำฟ้อง จะนำเสนอให้ทราบต่อไป
credit information & picture : http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000081602
update by : Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
วันดับ “พลังแม้ว” ศาลให้ใบแดง “ยุทธ ตู้เย็น”
update by : Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001
