วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สำรวจริมรั้ว...ไทย-เขมร


'อรัญ-โรงเกลือ' 'ปากท้อง' ยังมาก่อน

จากกรณี “ปราสาทพระวิหาร” ถึงวันนี้ความตึงเครียดดำเนินสู่สถานการณ์ไม่พึงประสงค์หรือไม่-อย่างไร ?? ก็อย่างที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ณ ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ไทย-กัมพูชาจะเสริมกำลังชายแดน ก่อนที่ไทยจะตีกันเองจนเลือดสาด กับชายแดนไทย-กัมพูชาจุดอื่นบางจุด...ก็มีแง่มุมน่าสนใจ

อย่างเช่น “ชายแดนด้านอรัญประเทศ-ปอยเปต”

อย่างเช่นที่ “ตลาดโรงเกลือ” แหล่งค้าขายสำคัญ

ทั้งนี้ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้ส่งทีมไปกับคณะของกรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ด้านการพัฒนาของฝ่ายทหารบริเวณพื้นที่ชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นด้านที่มีข่าวว่าทางการไทย-กัมพูชาจะร่วมประชุมหารือกันในวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยจากการสังเกตการณ์นอกรอบก็มีแง่มุมเกี่ยวกับคนไทย-คนกัมพูชาที่น่าสนใจ ที่ไม่เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร

ณ พื้นที่ด้านนี้ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามอรัญประเทศของไทยคือเมืองปอยเปต จ.บันเตเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งก็อย่างที่หลายคนทราบคือพื้นที่บริเวณนี้ ทางฝั่งไทยเรามีแหล่งการค้า “ตลาดโรงเกลือ” เป็นแลนด์มาร์ค สำคัญ ที่ทั้งไทย-กัมพูชาทำมาหากินร่วมกันอยู่ ขณะที่ฝั่งกัมพูชามีดง “กาสิโน” เป็นไฮไลต์ มีกาสิโนหลายแห่ง

บริเวณจุดผ่านแดนถาวรด้านอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของนักพนันจากไทย ณ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมานั้น บรรยากาศบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยออกไปปอยเปต...ยังคงคึกคัก มีทั้งชาวไทยและต่างชาติต่อคิวเข้าแถวเพื่อรอยื่นเอกสารผ่านแดนเต็มเกือบทุกช่อง โดยด้านนอกก็มี “กองทัพรถเข็น” ของ “แรงงานกัมพูชา” หลายสิบชีวิตรอคำอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ข้าวของส่วนใหญ่ที่มีการรอขนไปยังฝั่งกัมพูชา ก็มีตั้งแต่ข้าวสารอาหารแห้ง ไปจนถึงเครื่องดื่มสารพัด

ขณะที่ในจุดตรวจฝั่งขาเข้ามาจากกัมพูชาสู่ไทย ก็พบว่ามีแรงงานรับจ้างชาวกัมพูชาชักแถวรอยื่นเอกสารเข้าเมืองกันเนืองแน่นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ รวมไปถึงมีขบวนรถเข็นไม้ล้อลากหลายสิบคันที่รอขออนุญาตข้ามแดนมาฝั่งไทยเพื่อรับจ้างขนสินค้ากลับไป ซึ่งโฟกัสเฉพาะจุดนี้เหตุการณ์ดูจะปกติเหมือนที่เคยเป็นมา

สภาวการณ์ในวันนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะตึงเครียดแต่อย่างใด

แรงงานหนุ่มกัมพูชารายหนึ่งบอกกับทีม “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... มีอาชีพรับจ้างเข็นรถเข้ามาเพื่อซื้อและขนสินค้าไทยนำกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ซึ่งเขาทำอาชีพนี้มาได้หลายปีแล้ว จึงพูดภาษาไทยได้บ้าง โดยจะมีรายได้จากค่าจ้างในอัตรารอบละ 30-100 บาท ขึ้นกับการตกลงกับผู้ว่าจ้างหรือปริมาณของที่ต้องขน

“วันนี้ครัวในบ่อนแห่งหนึ่งจ้างให้เข้ามาหาซื้ออาหาร พวกเนื้อ ปลา ผักสด”...แรงงานหนุ่มกัมพูชารายนี้บอกพลางชี้ให้ดูข้าวของที่กองพะเนินอยู่เต็มรถเข็น และยังกล่าวด้วยว่า... “รายได้ก็พออยู่ได้ ดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะผมไม่มีที่ดินไว้เพาะปลูก ถ้าไม่มีงานตรงนี้ผมก็ไม่รู้จะไปทำอะไร”

บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองในตอนนั้น บรรยากาศยังคึกคัก อย่างไรก็ตาม กับ “ตลาดโรงเกลือ” ตลาดการค้าชายแดนที่สำคัญในฝั่งไทย กลับตกอยู่ในความเงียบเหงา แม้จะมีคนเดินจับจ่ายซื้อของ บ้างก็เดินกางร่มเลือกซื้อหาต่อรองราคาสินค้า บ้างก็ใช้วิธีขับรถกอล์ฟที่มีบริการให้เช่า แต่โดยรวมก็ดูบางตา ที่มีมากหน่อยก็เห็นจะเป็นลูกจ้างชาวกัมพูชาที่ยืนกระจายตัวอยู่แทบทุกซอยและทุกหัวมุมถนนในตลาดโรงเกลือ

“ลูกค้ามีน้อยลงเยอะ” ...เป็นเสียงบอกเล่าของหญิงสาวชาวกัมพูชาในร้านขายสินค้าเครื่องหนัง ซึ่งเธอยังบอกอย่างฉะฉานด้วยภาษาไทยสำเนียงเขมรต่อไปว่า... ที่ลูกค้าบางตาไปเยอะส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีตลาด ย่อย ๆ กระจายตัวมากขึ้น ไม่ได้รวมกลุ่มเป็นตลาดเดียวเหมือนเดิม ลูกค้าก็เลยกระจายไป ซึ่งก็ถือว่ายังพอขายได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาซื้อทีละเยอะ ๆ เพื่อนำไปขายต่อ มากกว่าลูกค้าจรหรือนักท่องเที่ยว

ถามว่าเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร-ปราสาทพระวิหารหรือเปล่า ? “คิดว่าคงไม่ใช่ น่าจะเพราะน้ำมันแพง เศรษฐกิจไม่ดี คนเลยไม่ค่อย ชอปปิงมากกว่า”...เป็นคำตอบจากหญิงสาวกัมพูชาคนนี้

ประเด็นนี้ก็สอดคล้องกับมุมมองของเจ้าหน้าที่ไทยรายหนึ่งที่ด่านอรัญฯ ที่บอกไว้เมื่อกลางเดือน ก.ค.ว่า... เรื่องเขาพระวิหารยังไม่ส่งผลต่อคนไทย-คนกัมพูชาที่จุดนี้ “เพราะวิถีชีวิตที่นี่ผูกติดกับเศรษฐกิจมากกว่าเรื่องอื่น” ที่นักท่องเที่ยวน้อยลงก็คงเพราะเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มนักพนันไม่ต้องพูดถึง ถ้าด่านไม่ปิด โดยเฉลี่ยก็ยังมีผ่านเข้า-ออกวันละ 2,500-3,500 คน ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวอาจถึง 4,000-5,000 คน

ด้านแหล่งข่าวทหารรายหนึ่งก็บอกคล้ายกันในวันเดียวกันว่า... ความสัมพันธ์ของคนไทย-กัมพูชาบริเวณนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบจากกรณีเขาพระวิหาร เพราะส่วนใหญ่มองว่าไม่ใกล้ตัวเหมือน “เรื่องปากท้อง” พื้นที่นี้คนกัมพูชาจำเป็นต้องอาศัยไทยหลายด้าน ทั้งเรื่องปากท้อง ธุรกิจการค้า ซึ่งถ้ามีการ “ปิดด่าน” เชื่อว่าไทยจะไม่มีผลกระทบอะไรมาก ยกเว้นกับผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มเท่านั้น ที่รายได้อาจขาดหายไป

ทิ้งท้าย ทหารนายนี้ชี้ไว้ว่า... เพราะผลประโยชน์มันผูกกันอยู่ ทั้งธุรกิจเรา ธุรกิจเขา อีกทั้งความสัมพันธ์ระดับชาวบ้านล่าง ๆ ก็ดี ดูอย่างตลาดโรงเกลือ ร้อยละ 80 คนเขมรทั้งนั้น คนไทยที่ทำกันจริง ๆ แค่ร้อยละ 20

“ก็ลองคิดดู ถ้าปิดด่าน ทางนั้นจะกระเทือนแค่ไหน ? แม้จะมีเหตุการณ์อะไร และทางเราจะปิดด่าน แต่ฝั่งนั้นก็คงจะไม่อยากให้ปิดหรอก !!”.


update by : Patcharin Udomwong 5131601138

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปัญหามากมายไม่มีที่สิ้นสุด !!

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปิดไปก็เสียกันทั้งสองฝ่าย -*-

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทุกอย่างเมื่อเกิดปัญหาขึ้นควรช่วยกันเร่งแก้ไขอย่างเป็นระบบ

* Discuss Of Law * กล่าวว่า...

ปัญหาต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่
ประเทศชาติไม่เจริญ

* Discuss Of Law * กล่าวว่า...

เมื่อไหร่ปัญหาต่างๆ จะหมดไปสักที