วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

รัฐบาลเข็นนโยบายเร่งด่วน โชว์ปรองดอง


ปลุกปชต.-สัมพันธ์เพื่อนบ้าน ชู8เรื่องหลัก-14ประเด็นย่อย

ม็อบบุก - กลุ่มคนพิการตาบอดมาชุนนุมประท้วงหน้าหมู่บ้านของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและความยากไร้ของคนพิการทั่วประเทศ นับเป็นม็อบกลุ่มแรกที่เคลื่อนไหวบุกถึงหน้าบ้านพักหลังนายสมชายรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 24 กันยายน

ชงรัฐบาลชู 14 เรื่องเร่งด่วน 8 นโยบายหลัก 14 เรื่องย่อย เฉพาะหน้าเน้นสร้างความปรองดองของคนในชาติ การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ ปท.เพื่อนบ้าน รวมถึงผลักดันเมกะโปรเจ็คต์ "สุชาติ"ขอโทษปูด บ.ประกันมีปัญหา ต่อไปจะระมัดระวังปาก แต่ไม่วายบอกค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บ. ท้าให้ดูที่ผลงานเมื่อบ่ายวันที่ 24 กันยายน มีการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการจัดทำนโยบายรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน (พปช.) และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่สำนักงาน พปช.อาคารไอเอฟซีที โดยนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการ พปช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ได้รับมอบจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ประสานงานการจัดทำร่างนโยบาย โดยแบ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน 14 เรื่อง นโยบายหลัก 8 เรื่อง และนโยบายย่อย 14 เรื่อง มีเนื้อหา 25 หน้า ซึ่งจะดำเนินการภายใน 3 ปี สำหรับนโยบายเร่งด่วนจะเน้นการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การฟื้นฟูโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจ็คต์และนโยบายการลงทุนหลักขนาดใหญ่ การพัฒนาคน การเร่งหารายได้เข้ารัฐ โดยจะนำเม็ดเงินมาจาการท่องเที่ยว การให้โอกาสคนยากจนเข้าถึงแหล่งทุน การแก้ไขปัญหาปากท้อง รวมถึงการดูด้านการเงินโดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ

นายนพดลกล่าวว่า สำหรับร่างนโยบายดังกล่าวยังไม่ถือเป็นข้อสรุป โดยพรรคจะนำไปประชุมรับฟังความคิดเห็นกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง คาดว่า จะเป็นวันที่ 26 กันยายน โดยจะมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พปช. เป็นผู้ประสานงานกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ นโยบายรัฐบาลต่อเนื่องจากนโยบายรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช แต่จะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ภายในต้นเดือนตุลาคม

ขณะที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกรณีระบุธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังหาสภาพคล่องให้กับบริษัทประกันภัยที่มีปัญหา โดย ธปท.ได้ติดต่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่งในไทย เพื่อช่วยเหลือปล่อยเครดิตไลน์ให้กับบริษัทที่มีปัญหาว่า ยืนยันว่าไม่มีบริษัทไหนในประเทศไทยมีปัญหา เนื่องจากประเทศไทยอยู่ห่างไกลจากปัญหามาก

"เราอยู่ห่างจากประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 12 ชั่วโมง ฉะนั้น ปัญหาของเรายังห่างไกล จากเขามาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรามีแผนงานต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้พร้อมรองรับกับสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเตรียมสภาพคล่องต่างๆ ไว้ และเมื่อมีสถานีวิทยุแห่งหนึ่งมองว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไร แต่เราก็บอก ไปว่าขณะนี้ ธปท.ได้เตรียมสภาพคล่องต่างๆ ไว้รองรับกรณีที่อาจจะมีบริษัทประกันภัยที่มีปัญหาแล้ว แต่ในความเห็นของนักวิชาการตอนนี้ยังไม่มีบริษัทอะไรในเมืองไทยที่มีปัญหา แต่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพูดแบบนั้นไม่ได้ บอกได้เพียงแต่ต้องเตรียมการรองรับไว้ก่อนจะดีกว่า" นายสุชาติกล่าว


นายสุชาติกล่าวว่า "เรื่องทั้งหมดที่ทำให้เกิดความสับสนขึ้น ถือเป็นความผิดของผมที่พูดไม่ชัดเจนและมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ดังนั้น คงต้องขอโทษทุกคนด้วย จากนี้จะไม่สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นอีก เหมือนเรื่องคนตกใจว่าบ้านไฟไหม้ แล้วรีบวิ่งจนเหยียบกันตายซึ่งต้องระวัง และยืนยันว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ดูแลทุกอย่างเต็มที่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น"สำหรับแนวทางในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่องเงินในระบบ นายสุชาติกล่าวว่า จำเป็นจะต้องรักษาระดับค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งระดับที่มองว่าน่าจะเหมาะสมในขณะนี้คือ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ หากปล่อยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่านี้อาจจะทำให้สินค้าทุนต่างๆ แพงขึ้น แต่คงจะพูดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องอย่าพูด เพราะแนวทางการทำงานของตนจะเน้นการให้นโยบายแต่ไม่ได้ลงไปในรายละเอียด

ส่วนแนวทางในการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคเอกชนที่มีท่าทีผิดหวังต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องพิสูจน์กันในอนาคต เพราะสิ่งที่ต้องการทำที่สุดคือ การแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ให้ชาวบ้านมีเงิน ค่าเงินไม่แข็งจนเกินไป ไม่เช่นนั้นเงินทุนของประเทศจะไม่เข้ามา ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ขึ้น ขณะที่ชาวต่างประเทศเมื่อนำเงินเข้ามาในประเทศซื้อหุ้นและทำกำไร ก็เท่ากับว่ากำไรที่เขาได้รับก็มาจากชาวไร่ชาวนาของไทยที่อยู่เฉยๆ ราคาข้าวก็ลดลงไปจากที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่พูดไปไม่ใช่ว่าจะไปปิดกั้นการลงทุน เพียงแต่ต้องการจะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและสภาพคล่องให้ดี

"เรื่องความคาดหวังเชื่อมั่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่คงเรียกร้องอะไรไม่ได้ เพราะต้องดูที่ผลงานด้วย แต่ขอให้ไปถามคนในต่างจังหวัดดูด้วย เพราะเท่าที่ผมลงพื้นที่มาก็ยังเห็นว่าชาวบ้านนิยมชมชอบโครงการรากหญ้า เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็ม แอล) ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" นายสุชาติกล่าว

สำหรับการทำงานร่วมกับ ธปท. นายสุชาติกล่าวว่า จะทำงานตามที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แนะนำ เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และที่ผ่านมาความคิดเห็นที่เสนอไปก็ให้ในฐานะนักวิชาการ นอกจากนี้ ยืนยันว่าเป็นพี่น้องกับ ธปท. ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าแนวทางในการกำกับดูแลนโยบายอัตราดอกเบี้ยระยะต่อจากนี้ควรจะเป็นไปในทิศทางใด นายสุชาติกล่าวว่า เรื่องนี้คงจะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ธปท.ในฐานะผู้รับผิดชอบที่จะต้องดูแลเป็นผู้ตอบคำถามจะเหมาะสมกว่า นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดบริษัทประกันภัยมีปัญหาสภาพคล่อง เพราะบริษัทประกันภัยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหากจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องก็เป็นเรื่องที่ธุรกิจจะติดต่อกันเองระหว่างบริษัทประกันภัยกับธนาคารพาณิชย์ไม่เกี่ยวกับ ธปท.

"ผมไม่ทราบว่า สิ่งที่รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังพูดหมายถึงอะไร เพราะยังไม่ได้เจอกับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.ด้วยว่า มีการรายงานอะไรไปหรือไม่ แต่เท่าที่คุยกับ คปภ.เองก็ไม่ทราบเรื่องและธนาคารก็ไม่ได้รายงานอะไรมาที่เรา เพราะเป็นเรื่องที่เขาจะคุยกันเอง" นายสรสิทธิ์กล่าวนายสรสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้สภาพคล่องของระบบสถาบันการเงินยังดี มีฐานมั่นคง สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐานบีไอเอส เฉลี่ย 15% มากกว่าขั้นต่ำที่ 8.5% แสดงว่าสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่มีสินทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศประมาณ 1% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งถือว่าต่ำมาก นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. กล่าวภายหลังการประชุม เพื่อประเมินผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินของสหรัฐอเมริกาต่อธุรกิจประกันภัยของไทยว่า จากการติดตามสถานการณ์ในเบื้องต้นพบว่ายังไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากสถานภาพของบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย ยังมีอัตราการขยายตัวในระดับสูง และเมื่อตรวจสอบบริษัทประกันภัยในประเทศไทยทั้งหมด 99 แห่ง พบว่ามีเพียง 2 แห่งที่เป็นปัญหาแต่ก็เกิดขึ้นมานานแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าตกใจและขอคืนกรมธรรม์ก่อนกำหนด

สมชาย ลั่นโผ ครม.ลับสุดยอด! พผ.ยังป่วน คนลอนดอนประกาศไม่เอา สุวิทย์!!

สมชาย ยันจัดครม.คนเดียวลับสุดยอด! ปัด ยงยุทธ-เมีย ร่วมเอี่ยว ทูลเกล้าฯ ครม.ใหม่ วันนี้ (22 ก.ย.) สุชาติ ขึ้นชั้นขุนคลัง โกวิท-สมพงษ์-ไชยา นั่งที่เดิม เพื่อแผ่นดิน ยังป่วน คนลอนดอนประกาศไม่เอา สุวิทย์ ลูกพรรคล่าชื่อหนุน สุรเดช ยะสวัสดิ์
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เรียกนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าพบที่บ้านพักย่านถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น. เช้าวันที่ 21 กันยายน เพื่อหารือถึงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ แต่นายสุรชัยได้ออกมาปฏิเสธว่า นายกฯเรียกมาหารือเรื่องการประชุม ครม.ในวันที่ 23 กันยายน ว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องประชุมอยู่หรือไม่ ซึ่งได้ชี้แจงว่า เมื่อมีการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่จำเป็นต้องประชุมอีกขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน (พปช.) กลุ่มภาคเหนือ กล่าวว่า นายกฯได้ขอให้เลขาฯ ครม.ชี้แจงขั้นตอนการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งภายในวันนี้ (21 กันยายน) น่าจะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพราะทุกอย่างค่อนข้างลงตัวแล้ว เช่นเดียวกับนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ เลขานุการส่วนตัวนายสมชาย ที่กล่าวว่า นายกฯจะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯในวันเดียวกันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสุรชัยเข้าพบนายสมชาย ได้มี ส.ส.พปช.ทยอยเดินทางเข้าพบนายสมชาย เช่น นายบุญทรง นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้า พปช. ฯลฯลั่นจัดการเดียว ลับสุดยอดต่อมาเวลา 17.00 น. นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ส่งรายชื่อ ครม.บางส่วนให้เลขาธิการ ครม.ไปพิจารณาคุณสมบัติแล้ว โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งรายชื่อมาให้แล้ว เหลือเพียงพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ที่จะส่งให้เย็นวันนี้ (21 กันยายน) ในส่วน พปช.ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้เป็นผู้ตัดสินใจ โดยรายชื่อ ครม.มีคนนอกบ้างแต่น้อยกว่าคนใน ซึ่งจะมาดูในด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆผู้สื่อข่าวถามว่า จะทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม.ได้ในวันที่ 22 กันยายนเลยหรือไม่ สมชายกล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด พูดไปก่อนจะเสียหาย เมื่อถามว่า นายยงยุทธ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา ได้ร่วมจัดทำโผ ครม.หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า "เรื่องนี้ผมทำคนเดียวอยู่ในห้อง เป็นความลับสุดยอด ผมและพรรคร่วมที่ส่งรายชื่อมาเท่านั้นที่รู้ ยืนยันได้ 100%Ž"เวลา 17.40 น. นายสมชายได้ออกจากบ้าน โดยให้คนมาแจ้งผู้สื่อข่าวว่า ไม่ต้องติดตามขอเป็นส่วนตัวนายสุขุมพงศ์กล่าวถึงกรณีมีรายชื่อในโผ ครม.ว่า ยอมรับว่านายกฯขอให้มาช่วย ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเคยช่วยงานสมัยนายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรี และขณะนี้รายชื่อ ครม.ไม่มีปัญหาแล้ว สามารถทูลเกล้าฯได้ภายใน 1-2 วันนี้
นายสุวิทย์ คุณกิตติ /br>หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินคนลอนดอนไม่เอา สุวิทย์รายงานข่าวจาก พผ.แจ้งว่า สาเหตุที่ พผ.ส่งโผ ครม.ให้นายสมชายล่าช้า เนื่องจากกลางดึกวันที่ 20 กันยายน แกนนำ พผ.ได้รับการประสานจากการแกนนำ พปช.ว่า ผู้ใหญ่ที่อยู่ลอนดอนไม่เอานายสุวิทย์ เนื่องจากเคยถอนตัวจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีผลทำให้รัฐบาลเกือบล้ม แต่กลุ่มวังพญานาคและกลุ่มโคราชยืนยันว่าต้องมีชื่อนายสุวิทย์เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากในฐานะหัวหน้าพรรค "ตลอดทั้งคืนวันที่ 20 กันยายน และตลอดวันที่ 21 กันยายน แกนนำ พผ.ได้ยืนยันว่า ถึงอย่างไรต้องส่งชื่อนายสุวิทย์เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายมั่น พัธโนมัย เป็นรัฐมนตรีว่าการไอซีที นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายประสงค์ โฆษิตานนท์ โควต้า กลุ่มพญานาค เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่วนนายไชยยศ จิรเมธากร โฆษก พผ. ที่มีชื่อว่าจะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วยต้องหลุดโผในนาทีสุดท้าย" แหล่งข่าวกล่าว ลูกพรรค พผ. ล่าชื่อดัน สุรเดชนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน พผ. แถลง ณ ที่ทำการพรรค ถนนวิทยุ เรียกร้องให้นายสุวิทย์ พิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล สมชาย 1Ž โดยระบุว่า พผ.มี ส.ส.อยู่ 24 คน แต่มีหลายกลุ่ม และ ส.ส.ต้องการให้รัฐมนตรีเป็นตัวแทน ส.ส.ในการบริหารงานบ้านเมือง แต่ในการประชุมพรรคล่าสุดได้แจ้งให้นายสุวิทย์ทราบว่าควรพิจารณาผู้ที่เหมาะสม โดยใช้รูปแบบคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา แต่นายสุวิทย์กลับไม่พอใจอย่างมาก และมีการทุบโต๊ะ " ที่ผ่านมานายสุวิทย์มักตัดสินใจคนเดียว เช่น การตัดสินใจถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.ของพรรคเป็นห่วงว่าอาจจะมีการตัดสินใจผิดพลาด รวมทั้งนายสุวิทย์ ก็เคยแจ้งว่าหากตัดสินใจอะไรก็จะแจ้งกับ ส.ส.ของพรรค แต่ล่าสุด ส.ส.ได้เห็นจากสื่อมวลชนว่า รายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินกลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว" นายปุระพัฒน์กล่าว และว่า การจะเสนอชื่อใครเป็นรัฐมนตรีก็ควรจะแจ้งให้ ส.ส.ทราบบ้างผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวของนายปุระพัฒน์ ได้มีการแจกจ่ายเอกสารประวัติของ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน พผ. รวมทั้งลายมือชื่อ ส.ส.พผ. อาทิ นายปุระพัฒน์ นายสุรเดช ม.ร.ว.กิตติวัฒนา ปกมนตรี ส.ส.สัดส่วน นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน นายมานพ ปัตทวงศ์ ส.ส.สัดส่วน นายประหอม ไพรคำ นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.นครราชสีมา ให้กับผู้สื่อข่าวด้วยทูลเกล้าฯรายชื่อครม. 22 ก.ย.รายงานข่าวจาก พปช. แจ้งว่า การจัดสรรผู้เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในส่วนของ พปช. นั้น ล่าสุดยังไม่ลงตัวเช่นกัน โดยแกนนำพรรคได้หารือกันในช่วงค่ำวันที่ 21 กันยายน เพื่อจัดวางผู้ที่เหมาะสมในขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะนำรายชื่อทูลเกล้าฯในวันที่ 22 กันยายนนี้ ข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ที่คาดว่า จะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล สมชาย 1 ในตำแหน่งสำคัญๆ มีดังนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เหมือนเดิม โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่งคือ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จาก พปช. และ นายประสงค์ โฆษิตานนนท์ จาก พผ.,กระทรวงการคลัง มีแนวโน้มว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช จะได้รับการสนับสนุนจากแกนนำ พปช.ให้ขึ้นชั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แทน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ขอเว้นวรรค โดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำ พผ. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง,กระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคยังได้ประสานกับ นายสาโรจน์ ชวนะวิรัช อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีชื่อของนายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา กลุ่มวังบัวบาน มีชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการศรีเมือง ชิง รมว.คมนาคมสำหรับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ล่าสุดมีชื่อของ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เป็นแคนดิเดต โดยนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จากพรรคชาติไทยจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และมี นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น ยังอยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการเหมือนเดิม โดยมีนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม จากพรรคชาติ เป็นรัฐมนตรีช่วย ซึ่งจะมีชื่อของ นายธีระชัย แสนแก้ว นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม กลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นแคนดิเดต ในเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ อีก 1 ตำแหน่งสำหรับกระทรวงคมนาคมนั้น ล่าสุด ชื่อของนายสันติ พร้อมพัฒน์ หายไป แต่มีชื่อของนายศรีเมือง เจริญศิริ เป็นแคนดิเดต ซึ่งจะมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายวราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสมพงษ์-ไชยา-มั่น นั่งเก้าอี้เดิมสำหรับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คาดว่ายังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีก นางอุไรวรรณ เทียนทอง จากพรรคประชาราช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ มีชื่อของนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ขณะเดียวกันมีชื่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งต้องพิจารณาใครเหมาะสมในนาทีสุดท้าย และมีนายบุญลือ ประเสริฐโสภา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังมี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมั่น พัธโนทัย เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนสนิทปัด บิ๊กจิ๋ว นั่ง บัวแก้วพล.ท.พิรัช สวามิภักดิ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ถูกทาบทามให้นั่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าไม่น่าจะเป็นจริง เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต มีความคิดว่าอยากช่วยเหลือคนจน ทำเพื่อคนจน เพราะเคยอยู่ในศูนย์ต่อสู้เอาชนะความยากจน (ศตจ.) มาก่อน ดังนั้น ดูแล้วกระทรวงการต่างประเทศไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความตั้งใจของ พล.อ.ชวลิตเมื่อถามว่า รัฐบาลอาจต้องการให้ พล.อ.ชวลิต เข้ามาแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร พล.ท.พิรัชกล่าวว่า ปัญหาปราสาทพระวิหารไม่จำเป็นต้องตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็นรัฐมนตรี เพราะแค่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพูดคุยกับรัฐบาลกัมพูชา 1-2 ครั้ง ทุกอย่างน่าจะแก้ไขได้ เพราะด้วยความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา หาก พล.อ.ชวลิตพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทุกอย่างก็จบ ขณะที่ พล.ท.เชวงศักดิ์ ทองสลวย นายทหารคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามจากนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด


โพสต์ โดย นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID 5131601135
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306106.php

ปชป.ให้ ป.ป.ช.ชี้ขาดเรื่องทรัพย์สินลูกสาวนายกฯ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ส.ว.ยื่นเรื่องตรวจสอบน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนายกฯ ว่า ต้องให้องค์กรอิสระเป็นคนตรวจสอบว่ายื่นถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นการจงใจยื่นจึงทำให้เกิดความผิดพลาด คาดเคลื่อน ดังนั้น เป็นเรื่องขององค์กรที่ต้องชี้ขาดย ดังนั้น นายกฯ หรือไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ควรออกมาให้ความเห็นน่าจะปล่อยเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวว่าถึงการทำงานของครม.เงาว่า ในส่วนของครม.เงาเมื่อถึงเวลาเหมาะสมและจำเป็นก็จะต้องมีสับเปลี่ยน แต่ที่ผ่านมาการตรวจสอบค่อนข้างได้ผล ซึ่งหลายๆ เรื่องก็มีความชัดเจนในแง่ของความผิดพลาดบกพร่องของรัฐมนตรี ส่วนข้อเสนอเชิงนโยบายครม.เงาทำได้เพียงเสนอ ส่วนรัฐบาลจะรับไปทำหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราก็เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


โพสต์โดย นางสาวภัทราสิยากรณ์ ณ นคร ID : 5131601005
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306574.php

ไม่หวั่นจี้สอบทรัพย์ลูกสาว สมชาย เชื่อแค่ประมาท

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เจ้าเก่า เตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. สอบ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตร สาว นายกฯ โยนให้ไปช่วยกันคิดเองว่าเป็นยังไง
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (23 ก.ย.) กรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบ นางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาว หลังตรวจสอบพบว่าไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อายัดไว้ต่อ ป.ป.ช.ว่า ยังไม่ทราบข้อมูล เนื่องจากบุตรสาวยังไม่ได้นำเรื่องมาหารือนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจต่อกรณีนี้ เพราะหากเป็นความประมาทของบุตรสาวก็แก้ไขได้ คงไม่เป็นไร ส่วนกรณีมีการระบุว่า กรณีดังกล่าวอาจเป็นเกมการการเมืองของฝ่ายตรงข้าม เพื่อดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีและคนใกล้ชิด หรือมีการตั้งธงเรื่องนี้ไว้ ตนไม่รู้ ก็ไปช่วยกันคิดว่าเป็นยังไง


โพสต์โดย นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID : 5131601043
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306506.php

กลุ่มสตรีพะเยาฮือต้านการ์ด พธม.

ปลุกองค์กรดูแลสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน แสดงพลังประณามการกระทำการ์ดพธม.ประจานหญิงบริการ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ และเหยีบย่ำความเป็นคน
การ์ดพันธมิตรนางเจริญศรี ไชยขัติย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา ออกมาเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ที่ดูแลด้านสิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน ออกมาแสดงพลังการเคลื่อนไหว ต่อกรณีที่การ์ดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรวจสอบหญิงบริการคนหนึ่งที่เข้าไปในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เหมือนเป็นผู้กระทำความผิด โดยมีการติดรูปประจานไปทั่วบริเวณที่มีการชุมนุม ถือได้ว่าไม่ให้เกียรติและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นคนซึ่งเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคนและประชาชนใน โลกนางสุพิน กัลยา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ดงสุวรรณ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา กล่าวว่า ไม่อาจจะยอมรับพฤติกรรมของการ์ดพธม.ที่กระทำต่อสตรีผู้หญิงคนดังกล่าวได้ ที่ผ่านมา พธม.พยายามแสดงเจตนารมณ์คล้ายกับการต่อสู้เพื่อประชาชน และสังคมไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งการกระทำของการ์ด พธม.กลับแสดงความย่ำยีเกียรติของคนไทยด้วยกันเองซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่สามารถยอมรับได้ เพราะหญิงบริการก็เป็นคนขณะที่นางสาวอารีย์ อ้อยหอม ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด(กพส.จ.) พะเยา กล่าวว่า ทำไมกลุ่มแกนนำทั้ง 5 คน ของ พธม.จึงไม่ออกมาแสดงการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง หรือตักเตือนการกระทำของการ์ด พธม.ให้เคารพสิทธิความเป็นคนของผู้อื่นบ้าง ภาพที่ออกมาสู่สายตาของสาธารณชนทำให้ภาพการต่อสู้ทางการเมืองของ พธม.ที่ดูเหมือนจะมีคุณต่อประชาชน และบ้านเมืองกลับด้อยค่าลงไปทันที หาก พธม.ยังไม่รีบแก้ไขในพฤติกรรมของการ์ด พธม. สุดท้ายทางลงของ พธม.อาจจะไม่ได้รับความเชื่อถือเช่นที่ผ่านมา.



โพสต์โดย นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID : 5131601135
link : http://news.sanook.com/politic/politic_306456.php

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

"พันธมิตร"ถกร่วมนักวิชาการหารือแนวทางการเมืองใหม่ ยันไม่รีบเจรจา"สมชาย"รอตั้งครม.เสร็จก่อน

แกนนำพันธมิตรฯประชุมวงเล็กนักวิชาการเย็นนี้ เรื่อง"แนวทางการเมืองใหม่" พร้อมเจรจากับ "สมชาย"ภายใต้ 2 เงื่อนไข ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลพลังประชาชนต้องออกไป ยันไม่ใจอ่อนหลังนายกฯโทร.คุย บอก ส.ส.ยิ่งรุมทึ้งเก้าอี้ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้พันธมิตร "จงรัก" ปัดข่าวสลายวันที่คนน้อย ระบุแกนนำเข้าใจผิด
"จำลอง"เผยถกแนวทางการเมืองใหม่ร่วมนักวิชาการเย็นนี้
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เวลา 14.00-17.00 น.วันนี้ (21 ก.ย.) จะมีการประชุมเรื่องแนวทางการเมืองใหม่ โดยประกอบด้วย แกนนำพันธมิตรฯ นักวิชาการ ที่เคยเสนอความเห็นเกี่ยวกับการเมืองใหม่ ประมาณ 10 คน เพื่อกำหนดแนวทางการเมืองใหม่ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟัง สำหรับการเจรจากับรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไขนั้น ขณะนี้ยังไม่มีรับการติดต่อมา ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เร่งรีบที่จะเจรจา และไม่เร่งรัดนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นใจว่า รัฐบาลต้องตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน เมื่อนายกฯพร้อม ก็สามารถติดต่อมาได้ เพราะเราไม่ปิดกั้นการเจรจา

ส่วนที่รัฐบาลได้เจรจากับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องสอบถามนายสนธิเอง เพราะตนยังไม่ได้พบกับ นายสนธิ และวันนี้นายสนธิอาจไม่ได้มาร่วมประชุมด้วย เพราะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย

เมื่อถามถึงกรณีตำรวจจะมีการสลายการชุมนุมช่วงเช้ามืด ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ย.นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คนที่ส่งข่าวมาให้เป็นผู้ปรารถนาดี ไม่ได้ปรารถนาร้าย ซึ่งแกนนำยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ตำรวจ ผู้ชุมนุมอยู่กันตามปกติ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการมาจับก็สามารถจับได้ หากคิดว่าสลายการชุมนุมแล้วมีผลดีตามมา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทำไมไม่มอบตัวเพื่อสู้คดี เมื่อชนะคดีก็เป็นความชอบธรรมในการชุมนุม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่อยู่อย่างนี้ก็เป็นความชอบธรรม กลุ่มพันธมิตรฯ จะรอให้ศาลวินิจฉัยการอุทธรณ์ก่อน เรื่องคดีมีนักกฎหมายผู้ใหญ่แสดงความเป็นห่วงว่าหากไปมอบตัว อาจจะมีปัญหา เพราะเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งกัน

สรส.1พันสมทบ-น.ศ.จัดแฟชั่นกู้ชาติ
เวลา 13.00 น. สมาชิก สรส.ประมาณ 1,000 คน สวมเสื้อสีชมพูเดินทางมายังลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 เพื่อบวงสรวงสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ และวันรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย จากนั้นได้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำผลัดขึ้นอภิปรายบนเวที สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรและคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
เวลา 16.00 น. กลุ่มแนวร่วมนิสิตนักศึกษาได้เปิดเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ แสดงกิจกรรมแฟชั่นโชว์กู้ชาติ การแสดงดนตรี และการจัดเสวนาเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ซึ่งดึงดูดความสนใจให้กับผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางมารวมตัวกันในช่วงบ่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบนถนนประวัติศาสตร์การเมือง เช่น นิทรรศการภาพถ่ายการเมือง การวาดภาพการตูนล้อเลียนนักการเมือง และเกมเตะแพะตัวที่สอง
"จงรัก" ปัดข่าวสลายวันคนน้อย
ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุม จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมในคืนวันที่ 19 กันยายน เป็นไปโดยความเรียบร้อย มีผู้เข้าร่วมชุมนุมในส่วนของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามหลวง ประมาณ 6,000 คน ส่วนกลุ่มพันธมิตรมี 2,000-3,000 คน ส่วนกรณีที่ พล.ต.จำลองระบุในวันที่ 22-23 กันยายน จะมีตำรวจภูธรมาสลายการชุมนุม จับกุมแกนนำนั้น อาจจะเป็นความเข้าใจของ พล.ต.จำลองเอง ขอยืนยันว่าตำรวจจะยังไม่สลายการชุมนุม จะใช้แค่วิธีการที่นุ่มนวลเท่านั้น อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ยังไม่มีการยกเลิกหมายจับ ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่การเข้าไปจับกุมแล้วสร้างความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ตำรวจจะต้องพิจารณาด้วย หมายจับมีอายุความนานถึง 20 ปี
พล.ต.อ.จงรักกล่าวถึงกรณีที่นายกฯโทร.ขอเจรจากับนายสนธิว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ คงเป็นความปรารถนาดีของนายกฯที่อยากจะให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย
"ปชป." วอนพธม.-นปช. เคารพสื่อ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เงา) กล่าวแสดงความเป็นห่วงการทำงานของสื่อมวลชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นปช. โดยเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคตให้เคารพในการทำงานของสื่อ เพราะเชื่อมั่นว่าสื่อทำงานตามวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา มากกว่าเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง จึงควรเคารพในการทำงานซึ่งกันและกัน และคิดว่าจะได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
งง! สมชายชูสันติแต่ส.ส.จัดม็อบ
นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ นปช.นำม็อบมาชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อคืน วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่า ข้องใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องการความสมานฉันท์จริงหรือไม่ แต่ทำไมจึงปล่อยให้คนของพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำพาคนมาชุมนุม หากรัฐบาลอยากจะแก้ปัญหาจริง จะให้กลุ่ม นปช.มาชุมนุมกันทำไม เพราะอาจเกิดความวุ่นวายถึงขั้นเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้
"จำลอง" ยันไม่ใจอ่อน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน โดย พล.ต.จำลอง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวซึ่งถามถึงท่าทีพันธมิตรที่อ่อนลงหลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์คุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรเพื่อขอนัดเจรจา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมเปิดเจรจากับรัฐบาลว่า อย่าใช้คำว่าท่าทีอ่อนลง เท่าที่นายสนธิเล่าให้ฟัง นายสมชายโทร.มาติดต่อขอเจรจา และถามสารทุกข์สุกดิบ เท่านั้นจริงๆ ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เป็นคนไทยด้วยกัน หากต้องการมาพูดคุยก็มาได้ตลอดเวลา เพราะพันธมิตรไม่ใช่พวกใหญ่โตอะไร ใครมาพูดคุยด้วยก็น่ายินดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาว่าจะมาเมื่อไหร่ ยังไม่มีการส่งตัวแทนมาเจรจา และทางพันธมิตรไม่ได้มอบหมายใครเป็นพิเศษในการเปิดเจรจา แกนนำทุกคนเปิดกว้าง สามารถโทร.มาคุยกับทุกคนได้ตลอดเวลา เมื่อได้ผลการเจรจาก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมแกนนำอีกครั้ง
พร้อมเจรจาภายใต้2เงื่อนไข
"พันธมิตรไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องเจรจากับนายกฯเพียงคนเดียว แต่ถ้าจะส่งตัวแทนมาก็ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจและน่าเชื่อถือ โดยต้องอยู่บนฐาน 2 ข้อ คือ 1.ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และ 2.รัฐบาลพรรคพลังประชาชนต้องออกไป อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้พูดคุยเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ กับนายสมชาย ทางกลุ่มแกนนำยังต้องหารือกันก่อน คิดว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะหน้าที่เร่งด่วนของนายสมชายขณะนี้คือจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน" พล.ต.จำลองกล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ระบุว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรเป็นการช่วยพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล พล.ต.จำลองกล่าวว่า นางสุดารัตน์บอกว่าไม่ยุ่ง แต่ก็เข้ามาจุ้นจ้าน ถึงถูกศาลพิพากษาไปแล้วก็ยังเข้ามาจัดโควต้ารัฐมนตรีได้ทุกครั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพันธมิตรต้องเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะการเมืองเก่าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ต้องแย่งโควต้ารัฐมนตรีกัน เพราะซื้อเสียงเข้ามาต้องมาถอนทุน มันเป็นแบบนี้เป็นวงจรอุบาทว์ พันธมิตรไม่ได้ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต่อต้านการซื้อเสียงการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อกลับไปซื้อเสียง เพื่อจะเข้ามาเป็นรัฐบาลให้ได้ การเมืองเป็นอย่างนี้ประเทศชาติไปไม่รอด ทางรอดคือการเมืองใหม่
รุมทึ้งเก้าอี้พันธมิตรยิ่งชอบธรรม
"ยิ่งมีการแย่งตำแหน่งกันมากเท่าไหร่ก็เป็นความชอบธรรมของพันธมิตร ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นที่สาธารณชนสนใจ" พล.ต.จำลองกล่าวทางด้านนายพิภพกล่าวถึงการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการเมืองใหม่ว่า ในวันที่ 21 กันยายน จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นในทำเนียบ มีนักวิชาการและตัวแทนกลุ่มวิชาชีพบางส่วนมาร่วมแสดงความเห็น เมื่อได้โครงร่างจากเวทีนี้ก็จะนำไปสู่ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรเพื่อมาประกาศเป็น "ตุ๊กตา" ในวันที่ 22 กันยายน เพื่อให้สาธารณชนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ารูปแบบที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอสัดส่วน ส.ส. เป็น 50 ต่อ 50 ก็จะนำสูตรนี้มาประกอบการเสวนาด้วย
ยันข่าว "ตร." กะลุย3วันคนน้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวกำลังตำรวจจากทั่วประเทศเข้ามาปราบกลุ่มพันธมิตรในวันที่ผู้ชุมนุมน้อยอย่างวันจันทร์ อังคาร พุธ แล้วพันธมิตรจะดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่า กระแสข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวมาแล้ว เพียงแต่ตำรวจคงคิดหน้าคิดหลังอยู่ หากเข้ามาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในทำเนียบจริง อาจมีเรื่องวุ่นวายตามมา อย่างครั้งที่แล้วที่ตำรวจใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ก็ทำให้รัฐวิสาหกิจหยุดงาน เพราะไม่เห็นด้วยกับการปราบผู้ชุมนุม คนที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายของการหยุดงานคือ ตำรวจและรัฐบาลไม่ใช่ผู้ชุมนุม หรือรัฐวิสาหกิจ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า พันธมิตร จ.ศรีสะเกษ แจ้งข่าวมาว่า ในวันที่ 22-23 กันยายน ช่วงเช้าจะมีคนน้อย ตำรวจอาจจะสลายม็อบ หากมีการสลายม็อบจริง สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย (สรส.) จะนัดหยุดงานอีกแน่นอน
ขณะที่ พล.ต.จำลองกล่าวเสริมว่า หากสลายม็อบจริงแล้วมีการจับแกนนำ อาจเกิดเหตุอย่าง "พฤษภาทมิฬ" แน่นอน

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

2ปีรัฐประหาร กับ2ขั้ว2แนวทางในพปช

2ปีรัฐประหาร กับ2ขั้ว2แนวทางในพปช.

ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ให้นายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเข้าข่ายเป็น "ลูกจ้าง" จากการเป็นพิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป"
จังหวะแรกพรรคพลังประชาชนประกาศท่าทีชัดเจนว่าจะ "สู้" ตามกรอบของรัฐธรรมนูญและกระบวนการรัฐสภา โดยยืนยันว่า ในเมื่อนายสมัครยังเป็น ส.ส. ยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ครองเสียงข้างมาก และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
ซึ่งเมื่อรับทราบผลหารือนายสมัครก็ขานรับทันทีว่าพร้อมจะสู้ต่อไปเพื่อรักษาประชาธิปไตย จะไม่ยอมถอย และไม่ยอมแพ้ต่อ "อำนาจมืด"แรกๆ 5 พรรคร่วมรัฐบาลก็ยืนยันเช่นกันว่าจะไม่เปลี่ยนขั้วและพร้อมสนับสนุนนายกฯคนใหม่ที่พลังประชาชนเลือกแต่ในคืนวันที่ 11 กันยายน ก่อนการเสนอชื่อนายสมัครต่อสภาฯ ภายในพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนัก
เมื่ออดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนเริ่มเดินเกมทั้งใน-นอกพรรค แถมยังอ้อมไปแตะซีกฝ่ายค้าน ท่ามกลางแรงกดดันพิเศษจากฝ่ายทหารที่แผ่ซ่านไปทุกกลุ่มเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน คือ นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 จะต้องไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันว่า หากเป็นคนนี้ ก็ไม่พ้นนองเลือด และหากจะรักษาประชาธิปไตย ก็ไม่จำเป็นว่านายกฯต้องชื่อสมัครในที่สุดก็นำไปสู่เหตุสภาล่มในเช้าวันรุ่งขึ้น สร้างความสับสนแก่คนทั้งประเทศ ขณะที่นายสมัครเริ่มถอย "ผมไม่เอาแล้ว ผมอายเค้า" ก่อนเก็บตัวเงียบอย่างรู้อนาคต พรรคพลังประชาชนต้องกลับมานับหนึ่งใหม่ โดยกลุ่ม ส.ส.อีสานกว่า 70 คน ในนาม "เพื่อนเนวิน" ที่รับไม่ได้กับการพลิกมติ เริ่มเดินเกมตอบโต้และเลือกที่จะชู นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค มาเป็นตัวเลือกใหม่
หลังกระแสต้านนายสมัครทำท่ารุนแรงจนเจ้าตัวออกอาการถอดใจเป็นการเดินเกมตอบโต้และต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่ดำเนินไปภายในพรรคเป็นหลัก ท่ามกลางการข่าวปล่อยผ่านไปในหมู่นักธุรกิจบางส่วนว่า นายเนวิน ชิดชอบ แม่ทัพคนสำคัญของซีกฝ่ายนี้กำลังต่อสายไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าพร้อมเปิดตำนาน "งูเห่าภาค 2" นำ ส.ส.ในกลุ่มไปซบหากคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ข่าวที่ว่าก็หักล้างไปโดยตัวมันเองเมื่อสุดท้ายหลังมีการพูดคุยทำความเข้าใจและ "ต่อรอง" กันภายในพรรคจนตกผลึก กลุ่มนี้ก็ยอมเปลี่ยนท่าทีมาหนุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติใหม่ของพรรคในที่สุดหากตัดประเด็นตัวบุคคลที่นายสมัครอาจเป็นคนแข็งกร้าว ไม่ประนีประนอม
ขณะที่นายสมชายมีบุคลิกตรงกันข้าม จึงเป็นตัวเลือกใหม่ที่ดูเหมือนเหมาะสมกว่า แม้ว่าเขาคือ น้องเขย ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกหวาดระแวงกว่าการเป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นที่นายสมัครถูกกล่าวหานี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพรรคพลังประชาชน ท่ามกลางการต่อสู้ 2 แนวทางของ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยึดเอาการต่อสู้ขับเคี่ยวภายในพรรคเป็นหลัก กับกลุ่มที่ถนัดเกมล็อบบี้ทุกทิศทางแม้กระทั่งฝ่ายค้านและกลุ่มทหารที่จ้องโค่นล้ม ภายใต้ข้ออ้าง "เพื่อความสมานฉันท์" ส่วนแนวทางไหนหรือใครกันแน่ที่ได้แรงหนุนจากแดนไกล ขอไม่กล่าวถึงทว่าผลที่ตามมาคือ รอยร้าวลึกในพรรคพลังประชาชนที่พร้อมแยกเป็น 2 เสี่ยงในไม่ช้า เข้าทางเจตนารมณ์แผนบันได 4 ขั้นของ คมช.
หลังจากที่การรัฐประหารมุ่งล้มล้างพรรคไทยรักไทยและรัฐบาลทักษิณ ล่วงเข้าปีที่ 2 จึงไม่แปลกที่หลังโหวตเลือกนายสมชายเป็นนายกฯจบสิ้นลง โดยที่พรรคพลังประชาชนยังสามารถรักษาความเป็นเอกภาพไว้ได้โดยพื้นฐาน ก็เริ่มมีสัญญาณออกมาอย่างชัดเจนจาก นพ.สุรพงษ์ หนึ่งในกลุ่มที่ถูกจงใจขนานนามว่า "แก๊งออฟโฟร์" ที่ประกาศขอวางมือจากตำแหน่งทางการเมืองโดยอ้างเหตุคดีหวยบนดิน
หลังจากที่บทบาทหลักในการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ซึ่งเดิมเป็นของเลขาธิการพรรคแกนนำ ถูกช่วงชิงไปอยู่ในมือ "แก๊งออฟทรี" คือ ยงยุทธ ติยะไพรัช, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เรียบร้อยคำถาม คือ ท่ามกลางการจ้องทำลายพรรคและนักการเมือง ท่ามกลางการต่อสู้ 2 แนวทางดังกล่าว และท่ามกลางภาวะแตกแยกอันสะท้อนถึงความอ่อนแอของระบบพรรคการเมืองที่ยังห่างไกลจากความเป็นสถาบัน ประชาธิปไตยของไทยจะพัฒนาเข้มแข็งต่อไปได้ด้วยวิถีทางใด โดยไม่ถอยหลังเข้าคลองไปกับ "การเมืองใหม่" อันย้อนยุค

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

ปชป.แขวะ “สมชาย” ได้ดีเพราะบารมี “แม้ว”




ผู้ช่วยเลขาฯ ปชป.ชี้แผน พปช.ขู่พรรคเล็กยุบสภา เพื่อป้องกันสภาล่มภาค 2 มั่นใจ “สมชาย” นั่งนายกฯ รัฐบาลอยู่ไม่นาน แขวะได้ดีเพราะบารมี “แม้ว” แต่คนบ้านเกิดเมืองนอนไม่มีใครรู้จัก วันนี้ (16 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน ระหว่างกลุ่มเพื่อนเนวิน กับกลุ่มผู้สนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากเรื่องการต่อรอง หรือเกมการเมืองภายในพรรค เพื่อช่วงชิงการนำภายในพรรคมากกว่า เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบทบาทของกลุ่มอีสานพัฒนาไม่พอใจการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จึงออกมาเปิดโปงว่าคนใกล้ชิดรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท และมีกิ๊กเปิดร้านเสริมสวย 30 ร้าน นอกจากนี้ยังให้ติดตามเรื่องทุจริตกว่า 90 เรื่อง ในที่สุดก็ไม่สามารถเปิดโปงได้แม้แต่เรื่องเดียว ทั้งนี้ ตนไม่อยากจะให้ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชนเป็นเรื่องของการเล่นละครตบตาประชาชน เพราะในที่สุดต้องกลับมาจูบปากกันอีก เหมือนที่ผ่านมา นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนการที่ยกเรื่องการยุบสภามาข่มขู่กันเองนั้น พรรคร่วมรัฐบาลไม่อยากให้มีการยุบสภา เพราะเมื่อยุบสภาแล้วพรรคเล็กๆ เหล่านี้ก็จะหายไปจากระบบการเมือง แกนนำพรรคพลังประชาชนจึงรู้จุดอ่อนว่านักการเมืองเหล่านี้ว่ากลัวการยุบสภาขึ้นสมอง จึงยกเหตุผลการยุบสภามาอ้างเพื่อให้นักการเมืองเหล่านี้ยอมสิโรราบต่อแกนนำพรรคพลังประชาชน เพราะถ้าหากพรรคพลังประชาชนต้องการให้มีการยุบสภาเพื่อล้างไพ่ใหม่ ทำไมไม่ถือโอกาสตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เสนอในที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ให้ยุบสภา เพราะหากยุบสภาในขณะนั้นก็จะไม่มีข้อถกเถียงหรือสงสัยในประเด็นข้อกฎหมาย การที่แกนนำพรรคพลังประชาชนอ้างยุบสภา ตนไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้รัฐบาลรักษาการมีสิทธิยุบสภาได้หรือไม่ การยุบสภาก็เป็นพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลรักษาการจะมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาก็ต้องมีการตีความข้อกฎหมายกันอีก นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่นายสมชายได้รับการเสนอชื่อจากพรรคพลังประชาชนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตนในฐานะ ส.ส.นครศรีธรรมราชและบ้านเกิดของนายสมชายก็อยู่ในเขตเลือกตั้งของตน จึงรู้สึกยินดีกับนายสมชาย แต่คนนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่ไม่ได้รู้จักนายสมชายดีพอ แต่รู้จักนายสมชายในฐานะเป็นน้องเขยของทักษิณมากกว่า เพิ่งรู้ว่านายสมชายเป็นคนนครศรีธรรมราช ก็เมื่อวันที่แต่งชุดขาวเป็นเจ้าพิธีบวงสรวงพระเจ้าตากที่วัดเขาขุนพนม และมีการนำข้าราชการตำรวจมายิงสลุต 21 นัด เพื่อสะเดาห์เคราะห์และแก้เคล็ดทางการเมืองให้ทักษิณที่เดินสายทำบุญ 99 วัด “คนนครศรีธรรมราชก็ไม่รู้จัดตัวตนนายสมชายดีพอ ตลอดชีวิตก็กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดน้อยมาก ส่วนใหญ่รับราชการอยู่ภาคเหนือ และอาศัยบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และภรรยาของตนเอง จนได้ดิบได้ดีจนถึงทุกวันนี้ ถ้านายสมชายมีสายเลือดเป็นคนใต้และผูกพันกับแผ่นดินเกิดจริง เหตุใดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจึงไม่นำทีมพรรคพลังประชาชนลงสมัคร ส.ส.สัดส่วนในกลุ่มที่ 8 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง แต่กลับลงสมคัรในกลุ่มที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยาและพี่เขย” นายเทพไท กล่าว และว่า หากพรรคพลังประชาชนเลือกนายสมชายเป็นนายกฯ จริง เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นานเพราะกระแสสังคมไม่ยอมรับ และกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศจะต่อต้านเพราะเป็นการสืบทอดอำนาจยิ่งกว่านายสมัครเสียอีก การผลักดันนายสมชายเพื่อจะใช้สิทธิความเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมาคุมอำนาจทางการเมือง หากรัฐบาลบริหารบ้านเมืองไปไม่รอดและยุบสภา จะฉวยโอกาสการเป็นนายกฯ คุมอำนาจรัฐเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องในสนามเลือกตั้งให้กลับมามีเสียงข้างมาจัดตั้งรัฐบาลอีกกครั้งหนึ่ง
โพสต์โดย : นางสาวมณีกาญจน์ คงชาฤทธิ์
ID : 5131601156

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

“ในหลวง” ทรงแนะตุลาการศาลปกครองทำหน้าที่ซื่อสัตย์-เป็นตัวอย่างคนทำดี



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองชั้นต้น เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในการนี้ทรงมีพระบรมราโชวาทให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่จะทำดีต่อไป

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะตุลาการศาลปกครองชั้นต้น



เมื่อเวลา 17.27 น.วันนี้ (15 ก.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองชั้นต้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นางสาวพรทิพย์ ทองดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

ในการนี้ ได้มีพระบรมราโชวาทให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไป

“ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ฟังท่านผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครอง ซึ่งได้ทำการปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความร่มเย็นของประเทศชาติ การจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นสำคัญ เพราะว่าประชาชนต้องการความซื่อสัตย์สุจริต แล้วถ้ามีผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ก็ทำให้สบายใจ และสามารถที่จะปฏิบัติงานต่างๆ ของประชาชนได้โดยดี ท่านก็จะต้องปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตดังกล่าวนี้ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ

ท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ว่าก็นับว่าเป็นจำนวนที่สำคัญ เพราะว่าท่านมีความรู้ ท่านสามารถที่จะแสดงความรู้นี้ และทำให้ประชาชนดูผู้ที่ปฏิบัติดีเป็นตัวอย่าง ในเวลาเดียวกัน ท่านก็เป็นตัวอย่างกับผู้ที่ทำหน้าที่ต่อไปด้วย ฉะนั้น ที่ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ก็ทำให้คนเขาเสียใจ คนผิดหวัง ถ้าคนผิดหวัง เป็นอันตรายมากสำหรับการปกครองประเทศ และความเป็นอยู่ของประเทศ

ก็ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ท่านได้ตั้งเอาไว้แก่ตัว เพื่อที่จะให้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะให้ทุกคนมองว่า มีผู้ที่ปฏิบัติตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นธรรมดา เป็นธรรมดานี้แหละสำคัญ เพราะว่าแสดงว่าท่านทำความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ ทำให้ผู้ที่เป็นประชาชนทั่วๆ ไป ก็จะได้ทำงานอะไรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถือว่าเป็นหน้าที่เหมือนกัน ก็ขอให้ท่านเข้าใจที่พูดนี้ว่า สำคัญแค่ไหน ถ้าท่านเข้าใจและปฏิบัติ ท่านจะเป็นผู้ที่ได้ช่วยประเทศชาติอย่างดี ได้ทำหน้าที่สำหรับเป็นตัวอย่าง ทำหน้าที่สำหรับเป็นผู้ที่เรียกว่า คนดี และก็ได้ทำหน้าที่ด้วยความดี เพื่อที่จะมีคนที่ดี ท่านมีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อผู้ที่ได้เห็น ได้ทำตาม มีจำนวนเป็นหลายร้อย หลายพัน เป็นหลายหมื่น หรือถ้าทุกคนทำตาม ทำหน้าที่ตามวิธีที่ท่านทำ บ้านเมืองคงอยู่รอดได้ ไม่มีปัญหา”



credit : www.manager.co.th
update by : Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001



อภิรักษ์ ชูนโยบาย Made in Bangkok เพิ่มมูลค่าสินค้าไทย

เมื่อเวลา 10.30 น.นางสุรางค์รัตน์ วัฒน์ธนาวิทย์กุล รองประธานสหกรณ์โบ๊เบ๊เฉลิมพระเกียรติ พร้อมผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ จำนวน 10 คน เดินทางมาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)เพื่อให้กำลังใจนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เนื่องจากเห็นว่า นายอภิรักษ์ กำลังถูกโจมตีจากคู่แข่งอย่างหนัก ขณะที่นายอภิรักษ์ กล่าวขอบคุณผู้ค้าพร้อมกับแถลงถึงแนวทางการส่งเสริมธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการใน กทม.โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน ผลิตสินค้าภายใต้ยี่ห้อ Made in Bangkok เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไทย เช่น เสื้อผ้า ของที่ระลึก เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น ส่งเสริมย่านธุรกิจการค้าเสื้อผ้าและของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์ ให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น ตลาดเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ พาหุรัด จตุจักร โบ๊เบ๊ เป็นต้น และส่งเสริมให้มีการจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก แก่นักท่องเที่ยวตามย่านธุรกิจและเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม. เช่น ถนนข้าวสาร บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เยาวราช และชุมชนที่มีการผลิตสินค้าชุมชนโบราณ เช่น ชุมชนบ้านบาตร ชุมชนบ้านบุ เป็นต้น และย้ำว่าจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการลงทุน โดย กทม.จะเป็นองค์กรที่หนุนช่วยผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ให้ได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยหลักธรรมาภิบาล สามารถดำเนินธุรกิจใน กทม.ได้อย่างมั่นคงต่อไป.

ที่มา: http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=223451&ch=pl2


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

กลุ่มเพื่อนเนวินแถลงขอให้ พปช.ทบทวนมติเลือกนายกฯ

ที่ประชุมพรรค พปช.ส่อเค้าวุ่นวาย เมื่อ ส.ส.อีสาน กลุ่มเพื่อนเนวิน เดินออกนอกห้องประชุม และแถลงขอให้มีการทบทวนมติในการเลือกนายกรัฐมนตรี อ้างมติเดิมอาจทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศได้ ยืนยันไม่ใช่การต่อรองตำแหน่ง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน นำ ส.ส.อีสาน กลุ่มเพื่อนเนวิน ออกแถลงการณ์ระบุว่า ส.ส.อีสาน ทั้ง 73 คน ขอแสดงเจตนารมณ์กรณีที่มีการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องไม่เป็นเงื่อนไขสุ่มเสี่ยงให้เกิดความขัดแย้ง หรือการเผชิญหน้า จนกระทบการปกครองในระบบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ไม่ปฏิเสธว่า ชื่อของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้รับการเสนอ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ แต่สถานการณ์ขณะนี้ การเสนอใครต้องรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพันธมิตร แต่ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น จึงขอให้ทบทวนมติกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมติออกมาอย่างไรก็พร้อมรับฟัง แต่กลุ่มเพื่อนเนวินไม่ตอบชัดว่า จะเสนอชื่อ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือไม่ และไม่ตอบว่าจะมีการโหวตสวน หรืองดออกเสียงหรือไม่ ระบุจะใช้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยืนยันไม่ใช่การตีรวน หรือส่งผลให้เกิดความแตกแยกในพรรค ขณะที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การขอให้ทบทวนมติ ก็ควรให้สมาชิกมีโอกาสพิจารณารายชื่อก่อน ไม่ใช่เพียงรับรองอย่างเดียว พร้อมปฏิเสธการเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวกับการต่อรองตำแหน่ง




โพสต์โดย: นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005


พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำทหารไม่ยุ่งเรื่องเลือกนายกฯ คนใหม่

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธกระแสข่าวที่มองว่าให้การสนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังร่วมแถลงข่าวยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับนายสมชาย เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) "ผมไม่ได้ให้การสนับสนุนคนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ทหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องสามารถลดความขัดแย้งที่มีอยู่ในสังคมขณะนี้ได้ เพื่อให้ปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลงไป" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ที่มา: http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=223455&ch=pl2


โพสต์โดย: นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID: 5131601135

"สุเทพ"แนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดึงทุกภาคส่วนร่วมวง ครม.

เลขาธิการปชป.เห็นด้วยหากจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แนะดึงบุคลากรจากทุกภาคส่วนร่วมคณะรัฐมนตรี หนุน "สมชาย" นั่งนายกฯ ไม่เกี่ยวกับภาคนิยม เชื่อ พปช.ยังระอุแบ่งขั้วชัดเจน จับตาประชุมสภา 17 ก.ย.นี้ วันนี้ (15 ก.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน มีการประชุมพรรคเพื่อลงมติเลือกบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภาในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ว่า ตนคิดว่าในพรรคร่วมรัฐบาลคงจะยังมีปัญหาอยู่ และยังมีความเห็นแตกต่างในเรื่องตัวบุคคล แต่หากตกกันได้ก็คงจะได้เสนอชื่อในวันพุธนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มีแนวโน้มภายในพรรคว่าสนับสนุน นายสมชายเนื่องจากมีความเหมาะสม รวมทั้งเป็นคนภาคใต้ สามารถร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จริง ในความรู้สึกของประชาชนทั่วไปจะเป็นใครก็แล้ว แต่หากมาจากพรรคพลังประชาชน หรือมาจากรัฐบาลเดิมทั้งชุด ประชาชนก็ไม่เชื่อว่าจะมาสร้างความสามัคคีในชาติได้ หรือลดปัญหาความขัดแย้งอย่างทีเกิดขึ้นทุกวันนี้ได้ “เรื่องของคนภาคใต้ คนใต้มีเหตุผลทางการเมืองใช่ว่าเขาเป็นภาคใต้แล้วต้องสนับสนุน ดูนายวีระ (มุสิกพงษ์) วันนี้สิ คนภาคใต้รู้สึกอย่างไรกับนายวีระ เพราะฉะนั้นกรณีของคุณสมชาย เพียงสื่อมวลชนมาถามผมให้วิจารณ์ว่า ในสามคนเป็นอย่างไร ผมก็วิจารณ์ไปตามเนื้อผ้าที่เห็น ตามความรู้สึกของประชาชนทั้งหลาย เท่าที่ผมได้สัมผัสไม่ได้หมายความว่าผมไปสนับสนุนคุณสมชาย”นายสุเทพกล่าว เมื่อถามว่า คิดว่า เวลานี้ยังมีแนวคิดจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเอง ระบุว่าบ้านเมืองขณะนี้ยังไม่วิกฤตพอที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าสมมติว่านายสมชายได้เป็นนายกฯจริงและจะเอาแนวความคิดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบพิเศษก็เป็นเรื่องดี แต่ไมได้หมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเข้าไปร่วมเป็นรัฐบาลด้วย แต่เป็นรัฐบาลพิเศษที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ได้ คำว่ารูปแบบพิเศษของตนหมายความว่า อย่าเอาเฉพาะนักการเมือง ที่มาจากพรรคต่างๆมาร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี แต่ให้ดึงบุคคลที่อยู่นอกพรรคการเมือง นอกสภา กลุ่มพลังต่างๆ มาร่วมแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ ส่วนที่นายสมชายได้แสดงอำนาจการบริหารด้วยการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน คิดว่าทำให้กระแสต้านลดน้อยลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่า ในแง่ความรู้สึกของคนดีขึ้น นายสมชายจะตั้งใจหาคะแนนเสียงหรือไม่ แต่คิดว่าครั้งนี้นายสมชายได้คะแนนเสียง และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ถือว่านายสมชายได้แต้มทางการเมือง และลีลาท่าทีที่ ออกมาพูดกับประชาชนดูสุภาพอ่อนโยน ไม่ยโสโอหังเหมือนผู้นำคนอื่น ซึ่งตนคิดว่าดูดี อาจทำให้อุณหภูมิทางการเมืองลดลง บรรยากาศความตึงเครียดดีขึ้น แต่วิกฤติการเมืองวันนี้กว้างใหญ่กว่านั้น ความเห็นของคนในประเทศไทยที่มีความคิดแตกแยกมากเกินกว่าแค่ใช่ยาขนานเดียวรักษาได้หมด เมื่อถามย้ำว่า มีการประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะอยู่ได้นานเท่าใด นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เมื่อใด จะขึ้นได้จริงหรือไม่ อย่าพึ่งประเมินดีกว่า เพราะยังไม่แน่นอน ตราบใดที่ผู้ที่กุมเสียงข้างมากในสภา ยังตกลงกันไม่ได้ ความไม่แน่นอนก็ยังมีอยู่เสมอถึงแม้ในพรรคพลังประชาชนแนวโน้มที่จะสนับสนุนนายสมชายเป็นนายกฯก็ตาม แต่เท่าที่ตนฟังยังเห็นว่าเขายังมีความแตกแยกกันอยู่ และเป็นธรรมดาที่การต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลยังมีอยู่ต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯออกมาเสนอแนวทางการเมืองโดยให้อำนาจตุลาการยุบสภา เหลือเฉพาะ ส.ว.เพื่อให้มาวางกติกาการเมืองกันใหม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขามีสิทธิ์เสนอแนวคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งทุกฝ่ายก็มีสิทธิ์เสนอได้ ส่วนฝ่ายอื่นจะเห็นด้วยหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ตนไม่สามารถวิจารณ์แนวการเมืองของพันธมิตรฯได้ เพราะยังขาดรายละเอียดอีกมาก


ที่มา:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109339
โพสโดย:นางสาว ศิริกานต์ ทองเครือมา ID:5131601184 SEC1

ตำรวจได้ฤกษ์กุดหัว “จักรภพ” ผบ.ตร.สั่งฟ้องหมิ่นเบื้องสูงแล้ว!

http://pics.manager.co.th/Images/551000011773401.JPEG

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในความเห็นสั่งฟ้อง “จักรภพ เพ็ญแข” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว รอให้ทาง บช.ก.นัดหมายกับเจ้าตัว ส่งให้อัยการ ระบุหมดหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแล้ว




วันนี้ (15 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ต่อนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้ลงนามมีความเห็นสั่งฟ้องตามที่คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน โดยขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อทำการนัดหมายกับนายจักรภพ เพ็ญแข เพื่อประสานงานเรื่องการนัดวันและเวลา ในการส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปให้กับอัยการต่อไป

“เมื่อสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการของอัยการแล้ว ก็ถือได้ว่าภาระหน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เป็นการเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกไม่นาน” พล.ต.ต.สุรพลกล่าว

ทั้งนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข ถูก พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน แจ้งความจับเมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดย พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีที่ นายจักรภพแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟทีทีซี) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง มีการกล่าวถึงระบบราชาธิปไตยเปรียบเทียบกับประชาธิปไตยระบบอุปถัมภ์กับสังคมไทย โดยนำแผ่นดีวีดีบันทึกการแถลงข่าวพร้อมกับเอกสารคำแปลภาษาจากอังกฤษเป็นภาษาไทยตามเนื้อหาในแผ่นดีวีดีดังกล่าวมอบให้แก่พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมีผู้เชี่ยวชาญภาษาหลายฝ่ายได้แปลคำปราศรัยของนายจักรภพ ซึ่งส่วนใหญ่มีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นคำแปลของตัวนายจักรภพเอง จนกระทั่งมีความเห็นจาก ผบ.ตร.ที่ลงนามสั่งฟ้องในวันนี้



กฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี




credit :
www.manager.co.th
http://th.wikipedia.org

update by Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001


วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

“น้องเขยแม้ว” ปัดใบสั่งจากลอนดอน ยันจันทร์นี้รู้ตัวนายกฯ

http://pics.manager.co.th/Images/551000011737001.JPEG

“สมชาย” เดินสายล็อบบี้พรรคร่วม ปัดมีใบสั่งจากลอนดอน คุยฟุ้ง ส.ส.พลังประชาชนใครก็สั่งไม่ได้ เผย จันทร์นี้ได้ชื่อนายกฯ ปิดปากเงียบพร้อมนั่งนายกฯคนต่อไป






ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ส.ที่เป็นแคนดิเดตที่พรรคพลังประชาชน เตรียมเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงการตระเวนเดินสายพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ ว่า เป็นการคุยกันธรรมดาไม่ได้เสนอชื่อนายกฯแต่อย่างใด เป็นการคุยแค่เอาหลักการก่อนว่าเราเรายังทำงานรัฐบาลร่วมกันอยู่ ส่วนเรื่องการเสนอชื่อของนายกฯยังไม่มีการเสนอ แต่จะเสนออย่างเป็นทางการและสรุปในวันจันทร์ เนื่องจากวันนี้พรรคไม่มีประชุม อย่างไรก็ตาม นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมรับตำแหน่งนายกฯหรือไม่

เมื่อถามถึงใบสั่งจากลอนดอนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายสมชาย ซึ่งมีฐานะเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีใครสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องของ ส.ส.ดังนั้น ที่พรรคพลังประชาชนไม่มีใครสั่งได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ภายหลังจากแถลงยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กองทัพไทย นายสมชายได้เดินทางไปพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มจากเดินทางไปที่ทำการพรรคเพื่อแผ่นดิน จากนั้นเดินทางพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่บ้านพัก ต่อด้วยที่ทำการพรรครวมไทยใจชาติพัฒนา ตามด้วยพรรคมัชฌิมาธิปไตย และปิดท้ายในเวลา 21.00 น.จะพบนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์





credit : www.manager.co.th
update by Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001





"อนุพงษ์”รับรบ.แห่งชาติ-นายกฯคนนอกเป็นไปได้ยาก

“อนุพงษ์”รับรบ.แห่งชาติ-นายกฯคนนอกเป็นไปได้ยาก แนะนายกฯคนใหม่ต้องแก้ปมขัดแย้งเร่งด่วน จี้รบ.ต้องเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุกระทบศก.-สังคม ยันทหารเป็นหลักชาติ ไร้วาระส่วนตัว ไม่แทรกแซงการเมือง ยันปฏิวัติไม่แก้ปัญหา แต่ช่วยเพิ่มปัญหา ปัดทหารวิ่งล็อบบี้พรรคการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงการประกาศยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ว่า สถานการณ์ฉุกเฉินที่คณะกรรมการได้พิจารณาร่วมกัน ในเรื่องของการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่ม ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายตำรวจและทหารได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว คาดว่า น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ดังนั้นสถานการณ์น่าจะไม่ต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศใช้ได้ส่งผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจและสังคมมากจึงคิดว่า น่าจะพิจารณาในการยกเลิก รวมถึงในเรื่องภาพพจน์ต่อต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเพราะ การเดินทางมาประเทศที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ทางประกันภัยเขาจะไม่รับรอง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเดินทางมา เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องมีการคงการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจนกว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่า จะเห็นเหมาะสมประการใด เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่าจะเกิดการปะทะกันระหว่างคนสองกลุ่มอีก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่เราได้เตรียมแผนไว้เพื่อดูแลในส่วนนี้ได้พยายามสร้างความเข้าใจจึงคิดว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ทางคณะกรรมการได้กำหนดให้กองทัพภาคที่ 1 และตำรวจนครบาลประสานกับกลุ่มนปช. ส่วนกรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มนปช.นั้น ได้ให้เพื่อนร่วมรุ่นของพล.ต.ขัตติยะติดต่อไปอย่างไม่เป็นทางการ อย่างไรก็ตามเท่าที่ติดตามสถานการณ์เชื่อมั่นว่า คนในกองทัพ มีความเข้าใจตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยมีใครวุ่นวาย และยังอยู่ในสถานะที่เรียบร้อยอยู่ เมื่อถามว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการสลายม็อบในช่วงสุญญากาศ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คณะกรรมการได้ให้ข้อพิจารณาในเรื่องนี้ว่า เดิมทีเขามีการชุมนุมอยู่แล้ว เมื่อพ.ร.ก.ออกมาสั่งว่าห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ซึ่งเท่ากับว่า มีการชุมนุมอยู่แล้ว แต่สั่งห้าม หมายความว่า ต้องเข้าไปดำเนินการ แต่เมื่อมีการดำเนินการไปครั้งหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผลที่ตามมายิ่งทำให้เกิดปัญหาและความไม่สงบมากกว่าเดิม อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่า แก้ปัญหา แต่ไปเพิ่มปัญหา ดังนั้นต้องใช้มิติอื่น ซึ่งขณะนี้ทางการเมืองพยามยามแก้ไขสถานการณ์ อย่างเช่นที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการ และประชาชนทั่วไปคงจะลดอุณหภูมิในการที่จะไปมีส่วนร่วม ดังนั้นเชื่อว่า น่าจะค่อยๆแก้ปัญหาไปได้เรื่อยๆในตัวเอง เมื่อถามว่า ทำอย่างไรให้ทหารอดทนต่อสถานการณ์ทางการเมืองได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราต้องพูดให้ทุกคนเข้าใจว่า ทหารควรจะเป็นหลักของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งเราต้องประกันความมั่นคงของประเทศชาติ และตนยืนยันว่าไม่มีวาระส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น หากผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจและเชื่อมั่นว่าตนจะไม่นำพาเขาไปในทางที่ผิด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าไปยุ่ง เมื่อถามว่า การเมืองยังหาทางออกให้กับสถานการณ์ไม่ได้ กองทัพจะมีจุดยืนอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงเหมือนเดิม เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองพยายามแก้ไขปัญหากันอยู่ เราคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เมื่อถามว่า มีนักการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าทหารบางกลุ่มไปล็อบบี้ทางการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนเข้าใจคงทำไม่ได้ เพราะนักการเมืองมีปัจจัยที่จะต้องพิจารณาร่วมกันในเรื่องอื่นๆ เมื่อถามว่า หากตกลงกันไม่ได้ จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งติหรือนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติคงมีความยากพอสมควรที่จะเกิดขึ้นได้ และบางคนไม่ค่อยจะยอมรับ เพราะใช้ในช่วงสั้นๆเท่านั้น และไม่มีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบ ถ่วงดุล ส่วนนายกฯคนนอกยิ่งยาก เพราะเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญด้วย เมื่อถามว่า ขณะนี้พอจะเห็นนายกฯคนใหม่หรือยัง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงจะต้องมีได้แน่นอนในจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ เมื่อถามถึงกรณีที่ท่านระบุว่า นักการเมืองควรจะต้องเสียสละ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องมีคนยอมเสียสละ เพื่อจะได้สามารถตกลงกันได้ แต่ตนไม่ได้ระบุว่าจะต้องเป็นใคร เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ประชาชนฝากความหวังให้กองทัพแก้ปัญหา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนในประเทศเราหนักทั้งนั้น หนักที่จะต้องหาทางสร้างความเข้าใจทุกๆฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ นักวิชาการพยายามช่วยทำให้ลุล่วงไปได้ แต่ตนว่าหนัก เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีประชาชนพยายามปลุกให้ทหารออกมาปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หนึ่งคือ ถ้าทำแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ และเมื่อคิดทีละประเด็นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย สองคือ เมื่อทำแล้วผลกระทบที่ตามมาไม่ว่าจากภายใน ทั้งกลุ่มนักวิชาการ อาจารย์ กลุ่มไม่เอาการปฏิวัติ และกลุ่มต่อต้านเดิมที่มีอยู่ รวมถึงผลกระทบระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจ ซึ่งจะน่าส่งผลกระทบมากและสูงกว่าที่จะรับได้ รวมถึงอาจจะไม่ได้เรียกว่า แก้ปัญหา และไม่น่าจะทำได้ เพราะมีผลกระทบถึงสองอย่างจึงไม่น่าจะใช้วิธีนี้ รวมถึงได้มีการประเมินบทเรียนจากการปฏิวัติครั้งที่ผ่านมาด้วย ทั้งนี้ตนมั่นใจว่า ข้าราชการในกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศมีความเข้าใจสถานการณ์ ทุกคนพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ผ่านไปด้วยดี
เมื่อถามว่า พอใจหรือไม่ที่การโหวตเลือกนายกฯเลื่อนออกไปเพราะได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไปบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเช่นเดียวกับประชาชนทั่วๆไป ถ้าอะไรที่เกิดขึ้น ประชาชนเขารู้สึกเบา ตนก็รู้สึกเบาไปด้วย เมื่อถามว่า หากได้นายกฯเร็วๆจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า น่าจะดีขึ้น เพราะเราคงทนสุญญากาศไม่ได้ ในขณะนี้ถ้าสามารถจบเรื่องความขัดแย้งได้ และให้ประเทศเดินหน้าไปได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามว่า นายกฯคนใหม่ควรมีลักษณะอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนเห็นว่า หากมีความขัดแย้งอยู่ก็ต้องเป็นวาระเร่งด่วน หากตรงนี้จบได้ ประเทศเราเดินหน้าได้แน่นอน
เมื่อถามว่า จุดยืนของกองทัพต่อผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องเป็นอดีตนายทหารหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมานายสมัคร สุนทรเวช อดีตรมว.กลาโหม ดูแล ดำเนินการให้กระทรวงกลาโหมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ เมื่อถามว่า ต้องกระซิบทหารก่อนหรือไม่ว่าจะนำใครมาเป็นรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น


โพสต์โดย: นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005

"เทพไท"ปฏิเสธ.ปชป.เล่นเกมเสนอ"อภิสิทธิ์"นายกฯ

"เทพไท" โต้ "จาตุรนต์ " ปชป.ไม่ได้เล่นเกมการเมือง แย่งชิงเสนอชื่อ "อภิสิทธิ์"เป็นนายกฯ แต่เป็นแค่การทำหน้าที่ในสภาเท่านั้น ระบุ "ชัย"และพรรคพลังประชาชน ต้องรับผิดชอบเหตุสภาล่ม ยอมรับ ปชป.เป็นรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำแต่ก็สามารถบริหารประเทศได้ (13ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษากาพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ละอายที่มีการแย่งเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนขอชี้แจงว่าไม่ใช่เป็นการแย่งชิงเสนอชื่อเพื่อเกมการเมืองแต่อย่างใด พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชุมเพราะทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อประธานสภาอ่านวาระเสนอชื่อเป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ไม่มีอะไรที่แอบแฝง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าละอาย นายจาตุรนต์เองที่เป็นฝ่ายที่น่าละอาย ที่มาจุ้นจ่านไปเจรจากับพรรคการเมือง หากเทียบเป็นกีฬาฟุตบอล ก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเป็นผู้ชมหรือผู้แข่งขันเพราะไม่มีตั๋ว ยังมีหน้ามาวิจารณ์ น่าละอายมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท ยังเรียกร้องผู้ที่ต้องรับผิดชอบที่ทำให้สภาล่ม ได้แก่ 1. นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ลุกลี้ลุกล้นเรียกเปิดประชุม เลือกนายกฯ และเมื่อเปิดประชุมแล้วน่าจะทำให้กระบวนการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกฯให้แล้วเสร็จแต่กลับให้นับองค์ประชุมเพื่อให้กระบวนการเสนอชื่อบุคคลมาเป็นนายกฯ จบลง อาจจะเกรงว่าครั้งต่อไปจะไม่สามารถเสนอชื่อใครเพิ่มได้ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว องค์ประชุมต้องหมายถึงผู้ที่อยู่ในห้องประชุมไม่ใช่คนที่เสียบบัตร ซึ่งทำผิดขั้นตอนทำให้คนในห้องประชุมและคนเสียบบัตรไม่เท่ากัน 2.พรรคพลังประชาชน ที่กำลังดึงเอาสถาบันนิติบัญญัติมาแก้ปัญหาของตัวเองและพวกพ้อง การแย่งชิงตำแหน่งนายกฯ ภายในพรรค นอกจากนี้ ยังมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้มายืนหน้าห้องประชุมและกวักมือเรียกลูกพรรคให้ออกนอกห้องประชุม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สภาล่ม เพราะรัฐบาลว๊อคเอาท์ ไม่มาร่วมประชุม เรื่องนี้จะโทษฝ่ายค้านก็ไม่ถูกต้อง นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนและอดีตนนายกรัฐมนตรี ประกาศถอนตัวจากการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนายกฯนั้น ตนรู้สึกใจหายเพราะเป็นคนคุ้นเคยและตอบโต้ทางการเมืองมาตลอดเวลา ตนเข้าใจว่าการที่แกนนำพรรคพลังประชาชนเข้าพบนายสมัครนั้น เป็นละครฉากหนึ่งที่ต้องการให้นายสมัคร ปฏิเสธตำแหน่งนายกฯเท่านั้น แต่แกนนำพรรคพลังประชาชนรู้จักนายสมัครน้อยไป จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นและเป็นที่มาของการเสนอชื่อ 3 ส. ขึ้นมาเพื่อเป็นเคนดิเดต หากพิจารณาภูมิหลัง 3 ส.ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาการเมืองในวันนี้ โดย ส.1 คือ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส่งประกวดโดยแก๊งค์ออฟโฟร์ ส.2 คือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส่งประกวดโดยแก๊งกลุ่ม 16 เก่า (ซิกทีน) ส.3 คือ นายสมชาย วงศ์สวัดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส่งประกวดโดยแก๊งกากีนัง เพราะเป็นคนในครอบครัว "ชินวัตร " ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การเสนอเปลี่ยนขั้วการเมืองเป็นไปได้ยากนั้น เพราะรัฐบาลที่เปลี่ยนมีเสียงปริ่มน้ำนั้น นายเทพไท กล่าวว่า หาก 5 พรรคร่วมมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า เสียงปริ่มน้ำจริง แต่รัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเสถียรภาพ ที่ผ่านมารัฐบาลชวน 2 ก็เคยมีเสียงปริ่มน้ำก็ยังสามารถบริหารบ้านเมืองได้ตลอดรอดฝัง “เสียงมือในสภาไม่สำคัญเท่ากับฝีมือการบริหารราชการแผ่นดินหรือความซื่อสัตย์สุจริต รัฐบาลจะมีเสียงมากน้อยแค่ไหนหรือจะมีเสียงทั้งสภาก็ตาม แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่โกงกินทุจริต คอรัปชั่น มือในสภาก็ไม่สามารถพยุงเสถียรภาพในรัฐบาลได้ ถ้าอ้างหลักประชาธิปไตยว่าให้พรรคที่มีคะแนนมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล ผมอยากถามว่า หลักประชาธิปไตยประเทศไหน ถ้าหลักประเทศอังกฤษที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตย ถ้าพรรคการเมืองพรรคแรกได้เป็นฝ่ายรัฐบาล และบริหาราชการล้มเหลว หลักประชาธิปไตยต้องให้พรรคฝ่ายค้านมีสิทธิชอบธรรมที่จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่การเสนอให้พรรคมีเสียงมากเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลก่อนล้มเหลวและให้โอกาสอีก ไม่น่าถูกต้องตามหลักสากล ที่พูดนี้ไม่ได้ต้องการอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่ต้องการให้ทราบว่า หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร ไม่ใช่หลับหู หลับตา จับมือกอดกันกลมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องและมาอ้างหลักประชาธิปไตยข้างๆคูๆ” นายเทพไท กล่าว

ที่มา: http://www.norsorpor.com/ข่าว/n171182/%20เทพไท%20ปฏิเสธ.ปชป.เล่นเกมเสนอ%20อภิสิทธิ์%20นายกฯ


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

สื่อต่างชาติจับตาสรรหานายกฯใหม่

. สำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ ยังเกาะติดการสรรหาผู้มาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายสมัคร สุนทรเวช ที่ประกาศวางมือ หลังไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกพรรคพลังประชาชน โดยรายงานข่าวระบุว่า ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเลือกใครมาเป็นนายกฯก็ตาม คนคนนั้นต้องได้รับการยอมรับจากพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมอยู่ในทำเนียบฯ ยังยืนยันไม่เอาคนของพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว พร้อมระบุว่าจะประท้วงต่อไปจนกว่า ครม.ปัจจุบันจะลาออก ด้าน 3 ตัวเต็งที่คาดว่า จะถูกเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนฯในวันพุธที่ 17 ก.ย.นั้น สองคนแรกเกี่ยวพันโดยตรงกับอดีตนายกฯทักษิณ หากเสนอขึ้นมาย่อมถูกต่อต้านแน่นอน โดยแกนนำพรรคพลังประชาชนจะหารือในวันจันทร์ที่ 15 ก.ย.นี้ เพื่อเลือกผู้สมัครเป็นนายกฯ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หากตัวแทนพรรคพลังประชาชนล่มกลางอ่าว ผู้มีสิทธิ์นั่งเก้าอี้นายกฯ อาจเป็นอดีตนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย หรือไม่ก็เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ที่มา: http://www.norsorpor.com/ข่าว/n166564/%20สื่อต่างชาติจับตาสรรหานายกฯใหม่


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

"เสนาะ”หนุน"สมชาย"นายกฯ อ้างคนใต้-สัมพันธ์ลึกซึ่งปชป.

"ป๋าเหนาะ”หนุน“สมชาย”นั่งแท่นนายกฯ ระบุ เป็นคนใต้และมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำเจอหน้า“สมัคร”จะก้มกราบขอบคุณ ที่บ้านเมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาช่วง 2-3 วันนี้ประชาชนอาจสับสนที่การประชุมสภาฯไม่สามารถเลือกนายกฯได้ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาประชาชนเลือกพรรคใหญ่ให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาเมื่อมีผู้หวังดีไปต่อต้าน เกิดเป็นลัทธินอกระบบ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ตนมานอนคิดเมื่อคืนวันที่ 11ก.ย.หลังพรรคพลังประชาชนมีมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งคิดว่านายสมัครไม่ใช่คนที่ไม่ดีแต่รู้ว่ากลับมาแล้วจะมีเหตุรุนแรงและวิกฤตเกิดขึ้นอีก ในที่สุดก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจนเที่ยงคืนก็ได้โทรไปปลุกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มาพูดคุยด้วยเหตุและผล ซึ่งนายบรรหารก็เคยเป็นนายกฯมาแล้ว เพราะเราต้องเอาประเทศชาติบ้านเมืองไว้ก่อน เมื่อเห็นตรงกันก็ได้โทรปลุกติดต่อกับทุกพรรคและทุกพรรคก็เห็นด้วยว่าถ้านายสมัครเข้ามาก็วุ่นวายอีก ทุกคนจึงเห็นว่าควรเลื่อนการโหวตนายกฯออกไปก่อน เพื่อซื้อเวลาแล้วจึงต่อสาย ถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าถ้าหากจะเลื่อนไม่ให้มีการประชุมที่ดีที่สุดคือการไม่ให้ครบองค์ประชุม ในที่สุดก็ไม่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นผู้ที่ตั้งนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์เข้าประชุมเต็มที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่งก็เข้ามาทำท่าว่าจะครบองค์ประชุม แต่ไม่ทันไรนายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯแต่เดชะบุญที่องค์ประชุมไม่ครบ หากครบองค์ประชุมก็เท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งนายสมัครกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนมีแนวโน้มที่จะเลือก 1 ใน 3 ส.ขึ้นมาเป็นนายกฯ นายเสนาะกล่าวว่า 3 ส.หรือ 4 ส.ก็ไม่สำคัญเท่ากับเอาคนที่มีปัญหาน้อยที่สุด ตนไม่ได้ยึดติดว่าต้องร่วมรัฐบาลเพราะพรรคประชาราชมีอยู่ 4-5 เสียงและจุดยืนของตนขณะนี้คือไม่ต้องการให้ประเทศถอยหลัง เพราะฉะนั้นอยากฝากว่าพรรคพลังประชาชนพยายามคัดคนที่มีปัญหาน้อยสุด แม้แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่บังเอิญเป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่หากเราเอาบ้านเมืองไว้ต้องแยกแยะ ส่วนตัวเห็นว่าถ้านายสมชายเป็นนายกฯเชื่อว่านายสมชายจะพูดอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ได้เพราะแท้จริงแล้วนายสมชายแท้ที่จริงเป็นคนใต้แทบจะเป็นลูกหลานของพรรคประชาธิปัตย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เพราะนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนตั้ง และเป็นลูกศิษย์นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์สมัยก่อน แต่บังเอิญว่ามันเกิดวิกฤติก็ต้องแยกแยะ หากดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลหรือดึงสองพรรคใหญ่เอานายสมชายเป็นนายกฯแล้วมาบริหารบ้านเมือง เพราะจะให้เป็นรัฐบาลแห่งชาติมันคงยาก หากทั้งสองพรรคใหญ่จับมือกันให้พรรคประชาราชไปเป็นฝ่ายค้านก็ยอม “ตอนนี้เราต้องเอาบ้านเมืองไว้อย่ามาถืออะไรกัน ถ้านายสมชายเป็นนายกฯเป็นเรื่องดี เพราะมันมีอุทาหรณ์ให้เห็นว่าอะไรที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นเขยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็รู้อยู่ว่าอะไรที่เป็นปัญหาก็จะได้ไม่ทำ ถ้าทำพวกเราก็ไม่ยอม สื่อก็ไม่ยอม ผมพูดแต่แรกว่า นายสมชายเหมาะสมแต่ต้องแยกแยะออก “นายเสนาะกล่าว นายเสนาะ กล่าวว่า การหารือของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรคที่บ้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย 111 คน ทั้งหมดเห็นพ้องต้องการว่าต้องการให้พรรคพลังประชาชนเสนอคนที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุดหรือใครก็ได้ 1 คน เราพร้อมที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อไป เราไม่ได้ออกมาบอกอย่างเป็นทางการว่าจะให้ใครเป็นนายกฯแต่ใครก็ได้ที่ออกมาเป็นคนกลาง ๆ และเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปกดดันพรรคพลังประชาชน อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่นายสมัครปฏิเสธไม่รับตำแหน่งนายกฯนั้นตนยังไม่ได้มีการโทรศัพท์หานายสมัคร เอาไว้โอกาสหากให้ตนกราบนายสมัครก็จะกราบ นายเสนาะยังกล่าวถึงการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า เพื่อให้บ้านเมืองเป็นปกติ ซึ่งกองทัพและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคิดว่าตอนนี้ประเทศชาติอยู่เหนือเหตุผลทุกอย่าง จึงขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ภาพพจน์ของประเทศกลับคืนมาเป็นปกติและอยากให้กองทัพไปคุยกันในเมื่อเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯที่ไม่ให้แตะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็ไม่แตะต้องอยู่แล้วอะไรที่ไม่ดีก็ให้จับเข่าคุยกัน



โพสต์โดย: นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005


"ชวน"มั่นใจเลือกนายกฯในสภาไม่มีเปลี่ยนขั้วการเมือง

"ชวน" เห็นด้วยกับ"อภิสิทธิ์"ที่เคยเสนอให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ "เชื่อ"โหวตเลือกนายกฯไม่มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง "ปฏิเสธ"ปชป. เล่นการเมืองเสนอ ชื่อ"อภิสิทธิ์" เป็นนายกในสภาวานนี้ ระบุ เป็นหน้าที่ปชป.ที่ต้องเสนอตัวนายกฯ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปจังหวัดตรัง กรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ ว่า นายสมัคร ยังเป็น ส.ส.อยู่ ฉะนั้นความเป็นนักการเมืองก็ยังอยู่ ไม่ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ถ้าจะเปลี่ยนแปลงบทบาท ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ส่วนข้อเสนอของหลายฝ่ายที่ให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น ตนคิดว่ามีคนหวังดี พูดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ พูดเรื่องการเมืองใหม่ ก็เป็นความหวังดีส่วนหนึ่งที่อยากจะเห็นการเมืองเป็นไปด้วยดี มีความชอบธรรม และมีการบริหารที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งดีที่คนช่วยกันคิด แต่ตนคิดว่าจะเรียกว่าการเมืองใหม่หรือการเมืองเก่าก็ตาม สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำพูด อยู่ที่ว่า ปัญหาในทางการเมืองจริง ๆคืออะไร คนที่อยู่ข้างนอก อาจมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่คนในอย่างตนเห็นว่า ปัญหามีจริง เป็นเรื่องที่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือการเมืองที่ใช้เงิน จึงเป็นความไม่ชอบธรรม คนเหล่านี้เอาผลการเลือกตั้งมาเป็นความชอบธรรม ว่าได้รับเลือกตั้งมาแล้ว แต่ไม่ได้ย้อนกลับไปดูว่า กระบวนการเลือกตั้งสุจริตยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้นประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า เราจะเรียกอะไรแต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสาระของกระบวนการทางการเมืองได้หรือไม่ สามารถสกัดธุรกิจการเมืองได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถทำได้ต้องยอมรับว่า จะเรียกอะไรปัญหาก็ยังอยู่ นายชวน กล่าวว่า ตนให้ข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง คือ นักการเมืองสมัยก่อนไม่ค่อยซื้อเสียงมีน้อยมากที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทน แต่ปัจจุบันที่เรียกตัวเองนักการเมืองรุ่นใหม่ เกือบจะพูดได้ว่าหาคนที่ไม่ซื้อเสียงได้ยาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ ที่เราจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ ถ้าเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ในที่สุด การเมืองก็จะเข้าสู่กระบวนการชอบธรรมมากขึ้น เมื่อการเมืองเกิดความชอบธรรม ใครก็ตามที่จะมาล้มล้างการเมืองที่ชอบธรรมก็ทำได้ยาก นายชวน กล่าวว่า แต่วันนี้เมื่อมีผู้ชุมนุมมีผู้เรียกร้องความเปลี่ยนแปลง ก็มีความชอบธรรมในแง่ที่ว่า เขาต้องการเปลี่ยนไปสู่ทางที่ดีขึ้น ไปสู่สิ่งที่ชอบธรรมจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่คณะเลือกตั้ง แต่ใช้วิธีการโกงเลือกตั้ง หรือซื้อเสียง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ปรารถนาทั้งหลายต้องตระหนัก ฉะนั้นถ้าเรามองเป็นปัญหาร่วมกัน ก็ต้องพยายามทำให้การเมืองต่อไปนี้ชอบธรรมมากขึ้น ด้วยการสกัดธุรกิจการเมือง ซื้อ ส.ส. ซื้อนักการเมืองและซื้อพรรคการเมือง ซื้อกระบวนการองค์กรอิสระ ซื้อสื่อมวลชนทุกอย่างให้เป็นพวกของตัวเองหมด นี่คือสาเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤติเป็นต้นมา ทั้งนี้การเมืองพัฒนาไปมากพอสมควร แต่ทั้งหมดก็สะดุดลงในปี 2544 แล้วถอยหลังเมื่อธุรกิจการเมืองเข้ามาเป็นผู้กำหนดชะตาทั้งหมดและอยู่นานเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมยาก แม้ว่าแต่ละคนจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง จะเห็นว่าทุกพรรคพูดถึงสิ่งที่ดีและพูดถึงหลักการความถูกต้อง แต่ปัญหาก็คือ ใครจะปฏิบัติได้กี่คน เพราะการเมืองยังประกอบไปด้วยกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม มีการมาอ้างเพื่อความชอบธรรม อย่างไรก็ตาม เห็นว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่อยากให้ท่านเหล่านั้น ทราบความจริงว่า สาเหตุจริงๆ คืออะไร เพราะลำพังคำแนะนำโดยไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ในที่สุดเราก็จะไม่สามารถเริ่มต้นได้ ถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ยอมรับ หากรัฐบาลเสนอชื่อบุคคล " 3 ส " ตามที่เป็นข่าว มาเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าทางออกของปัญหาจะเป็นอย่างไร นายชวน กล่าวว่า มีทางออกตลอด เพียงแต่ว่าจะเลือกทางไหน ความจริงข้อเสนอแนะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (เสนอให้ยุบสภา) ใช่ช่วงเริ่มต้น เป็นข้อเสนอแนะที่คิดว่า ปฏิบัติได้ง่ายที่สุดแต่เจ็บปวดบ้าง เพราะนักการเมืองเลือกตั้งแต่ละทีก็เหนื่อยแสนสาหัส ไม่มีใคร อยากจะเลือกตั้งใหม่ เร็วเกินไป แต่ในเมื่อวันนั้นคนคิดว่าข้อเสนอ ให้ยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ จะเป็นวิธีการที่สลายความวุ่นวายไปได้ในระดับหนึ่ง แม้ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ถ้าย้อนกลับไปในที่สุดว่าเลือกตั้งใหม่ ความไม่ชอบธรรมก็จะเกิดขึ้นอีก ซื้อเสียงอีก โกงอีก ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนภายนอกสามารถเรียกร้องความถูกต้องได้ นายชวน กล่าวว่า ตนกำลังรอดูว่า พรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง 6 พรรคจะตัดสินใจเลือกใครเป็นนายกฯ ขณะนี้ยังวิจารณ์ไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่า เขาจะเลือกใคร แต่รัฐบาลคงจะต้องคิดว่าจะปฏิบัติอย่างไร ไม่ให้เกิดแรงต้าน ส่วนจะปฏิบัติได้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองนั้น นายชวน มองว่า เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เราพูดกันตั้งแต่ต้นแล้ว ว่า เป็นไปไม่ได้ เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลเลื่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปเป็นวันที่ 17 ก.ย.นั้น คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมืองหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็คิดว่า การประชุมเมื่อวานนี้(12 ก.ย.) ที่โหวตเลือกนายกฯ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วแต่เมื่อประธานสภาฯ นับองค์ประชุม คนก็เข้าใจผิด แม้กระทั่ง ส.ส.ที่ออกมาวิจารณ์ก็เข้าใจผิด เพราะเมื่อวานครบองค์ประชุม ถึงให้มีการเริ่มประชุมสภาได้ แต่มีคนเข้าใจว่านายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เสนอนายอภิสิทธิ์นั้น มีองค์ประชุมไม่ครบซึ่งไม่ใช่ แต่ไม่ครบตอนที่มีการขอให้นับองค์ประชุม เพราะฝ่ายรัฐบาลเดินออกจากห้องประชุมไปเพราะฉะนั้น ตอนที่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ก็ถือว่าครบ ส่วนกรณีที่ว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ทำให้สังคมมองพรรคประชาธิปัตย์ในแง่ลบว่า เล่นการเมือง นายชวน กล่าวว่า ตนไม่คิดว่า เป็นอะไรในแง่ลบ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าห้องประชุม ก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปฏิบัติหน้าที่เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว มีเสียงแค่ 164 เสียง ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่ของการเสนอตัว ก็ทำมาทุกครั้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แม้จะรู้ว่าแพ้ ก็ต้องแสดงเจตจำนงค์ให้ประชาชนเห็นว่า ทำหน้าที่เสนอตัวเองให้พิจารณา

ที่มา: http://www.norsorpor.com/ข่าว/n171185/%20ชวน%20มั่นใจเลือกนายกฯในสภาไม่มีเปลี่ยนขั้วการเมือง


โพสต์โดย: นางสาวพรรณวิภา ติคำ ID: 5131601135

“เทพไท” จี้กรมกร๊วกปลดผัง “ความจริงวันนี้”

ผู้ช่วยเลขา ปชป.เรียกร้องกรมกร๊วก ปลดผัง “ความจริงวันนี้” โต้พรรคไม่ได้หนุน “สมชาย” นั่งนายกฯเพราะเป็นคนใต้ ระบุ ไม่เคยกลัวคำขู่ยุบสภา ปฏิเสธไม่ได้เป็นต้นเหตุให้สภาล่ม วันนี้ (14 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการยกเลิกรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทุกเช้าวันอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ว่า ตื่นเช้ามาวันนี้ ถือว่าสบายหู สบายตามาก แต่ยังมีรายการสารตกค้างอยู่ คือรายการ “ความจริงวันนี้” ของ 3 เกลอหัวกลม ที่ยังตามมาหลอกหลอนพี่น้องประชาชนยามค่ำคืน เมื่อรายการสนทนาประสาสมัคร ถูกยกเลิกไปแล้ว ตนอยากเรียกต้องไปยัง ผอ.เอ็นบีที ให้ยกเลิกรายการดังกล่าวตามไปด้วย ส่วนที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เหมาะสมที่จะนั่งนายกรัฐมนตรีได้นั้น นายเทพไท กล่าวว่า สื่อตีความไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุน นายสมชาย ซึ่งจริงแล้วเจตนาของเลขาธิการพรรค ต้องการชี้ให้เห็นว่า ในบรรดาคนแคระ หรือคนขี้เหร่ ทั้งหมด นายสมชาย ดูดีกว่าคนอื่น ไม่ได้มีเจตนาว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไปสนับสนุน นายสมชาย แต่อย่างไร ส่วนการที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ก็สนับสนุน นายสมชาย เพราะเชื่อว่า คลี่คลายปัญหาได้ เพราะเป็นคนใต้ และได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นั้น นายเทพไท กล่าวว่า คนใต้ทั้งหมดไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยก็มี 3-4 คน ที่รับใช้ระบอบทักษิณ การที่ นายสมชาย ได้ดิบได้ดี เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะเราแต่งตั้งโดยยึดถือระบบคุณธรรม ผิดกับรัฐบาลทักษิณ อย่าว่าแต่แต่งตั้งคนของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ได้ดิบได้ดี แม้แต่งบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ได้ประกาศว่า ถ้าจังหวัดไหนไม่เลือกก็จะไม่จัดงบประมาณลงไปให้ ดังนั้น จะมาโมเมว่านายสมชาย เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ถูกต้อง นายเทพไท ยังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกฯ “3 ส.” ว่า วันนี้ พรรคพลังประชาชน ยังไม่ตกผลึก ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ว่าจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นโอกาสที่พรรคพลังประชาชนเสนอน่าจะมี 2 ส.คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “แก๊งกากีนั้ง” กับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แก๊งซิกทีน เพราะ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นคนของนายเนวิน “แก๊งออฟโฟร์” ส่วน นายสมชาย ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกัน ดังนั้น จึงเห็นว่า แกนนำหลักของพรรคพลังประชาชน ต้องการสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน แก๊งออฟโฟร์ ก็คงไม่ยอมเสียโอกาส ดังนั้น ตนมองว่า หวยน่าจะไปออกที่ นายสมพงษ์ เพราะเป็น ส.ส.ภาคเหนือ ที่ กลุ่มกากีนั้ง น่าจะรับได้และยังเป็นอดีตหัวหน้า ส.ส.กลุ่ม 16 ทีมเดียวกับ นายเนวิน จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นตาอยู่ ส่วนกรณีที่ พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล วิจารณ์ว่า สาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชุมสภาในวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะกลัวการ “ยุบสภา” นั้น นายเทพไท กล่าวปฎิเสธว่า เราไม่เคยกลัว เพราะก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยเสนยุบสภากลางที่ประชุมมาแล้ว นายเทพไท ยังกล่าวตอบโต้ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ที่ระบุว่า พรรคได้ขอบคุณ นายสมัคร ที่ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ฉวยโอกาสในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า การที่พรรคพลังประชาชน จะขอบคุณ นายสมัคร ก็เป็นสิทธิทำได้ แต่ตนมองว่า เป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่เล่นกันไม่แนบเนียนกับนายสมัคร โดยแกนนำพรรคไปพบนายสมัคร เพื่อขอให้ลงจากตำแหน่ง แต่ไม่มีการเตี๊ยมกัน นายสมัคร จึงประกาศรับตำแหน่งไป ยืนยันว่า ไม่ได้ฉวยโอกาส ซึ่งการเข้าประชุมสภา ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ ส.ส.ตามที่ประธานสภาได้นัดประชุม และสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ประชุมครบก็ไม่ได้มาจากเรา ซึ่งมี ส.ส.เพียง 164 คน แต่กลับมี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ร่วมลงชื่ออีก 100 คน และการที่เราเข้าร่วมประชุม เพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลโยนความผิดให้พรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นต้นเหตุให้มีการยุบสภา ซึ่งเรื่องนี้พรรคพลังประชาชนไม่มีเอกภาพมากกว่า ดังนั้น อย่ามาโทษพรรคการเมืองอื่น เพราะเราทำหน้าที่ ส.ส.ที่ต้องเข้าประชุมสภา

ที่มา: http://www.norsorpor.com/ข่าว/n170321/“เทพไท”%20จี้กรมกร๊วกปลดผัง%20“ความจริงวันนี้”.


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

แนวร่วมพันธมิตรฯรวมตัวฟ้องอาญา-แพ่งกรณีปะทะกับตำรวจ-นปช.

ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลยังคึกคัก ขณะที่แนวร่วมทยอยมอบอำนาจให้ทนายความฟ้องอาญาและแพ่ง กรณีปะทะกับตำรวจและ นปช. ช่วงที่ผ่านมา บรรยากาศการชุมนุมที่บริเวณรอบนอกทำเนียบรัฐบาล ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ให้ความสนใจกับผ้าดิบที่วางพาดกลางถนน ตั้งแต่แยกมิกสวันจนเกือบถึงหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ระยะทางกว่า 100 เมตร โดยได้พากันมาอ่านข้อความที่มีการเขียนบรรยายความรู้สึกทางการเมือง และยังคงมีการตั้งร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับใช้ในการชุมนุม รวมถึงเต็นท์ประกอบอาหารสนับสนุนผู้ชุมนุม ซึ่งแม้สภาพอากาศวันนี้จะค่อนข้างร้อนจัด แต่ก็มีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาสลับสับเปลี่ยนกันต่อเนื่องทั้งวัน นอกจากนี้ ที่กองอำนวยการกองทัพธรรม ได้มีแนวร่วมพันธมิตรฯทยอยเดินทางมาทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ ฟ้องดำเนินคดีอาญาและแพ่งแทน อาทิ นายวุฒิชัย คำเหลา ชาวจังหวัดชัยภูมิ และนางสาวหนูรงค์ รัตนวิเชียร ชาวจังหวัดสงขลา ที่ระบุว่าได้รับบาดเจ็บตามร่างกายและแก๊สน้ำตาจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการปิดหมายบังคับคดีศาลแพ่งให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้านเจ้าหน้าที่กองทัพธรรม เปิดเผยว่า จนถึงวันนี้มีผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความแล้ว 66 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 2 กันยายน ได้มอบอำนาจให้ทนายความแล้ว 2 ราย แต่บนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการประกาศให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีการปะทะกับ นปช. มาทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความเพิ่มเติมด้วย.

ที่มา: http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=223303&ch=pl2


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

พันธมิตรฯ ย้ำไม่เอานายกฯ “หุ่นเชิด”- ลั่น! รัฐบาลใหม่ต้อง “ประชาภิวัฒน์”

พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ ยืนยันสิทธิชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลต่อ พร้อมย้ำจุดยืนพันธมิตรฯไม่เอานายกฯ หุ่นเชิด ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ที่ให้ทุกพรรคมาสมยอมกันโดยขาดการตรวจสอบ ไม่เอาคนตระบัดสัตย์ พร้อมต่อต้านรัฐประหารเพื่อตัวเอง และพวกพ้อง เสนอทางออกต้องเป็นรัฐบาล “ประชาภิวัฒน์” ส่งเสริมคนดีมาปกครอง สะสางความยุติธรรม พร้อมปฏิรูปการเมือง จัดตั้ง “สภาประชาภิวัฒน์” นำพาประเทศพ้นวิถีการเมืองเดิม เมื่อเวลา 21.25 น.วันที่ 14 ก.ย.2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีในที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 ของพันธมิตรฯ เพื่อประกาศจุดยืนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังนี้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง “รัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤตชาติได้” ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออก แถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 โดยในข้อที่ 3 ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวได้ระบุจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า “เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่สุดในโลก และมิให้ประเทศชาติล่มจมต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเตือนต่อสภาผู้แทนราษฎรให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และปกป้องมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่าได้นำเสนอชื่อบุคคลใดก็ตามที่มีประวัติด่างพร้อย กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตระบัดสัตย์ต่อมวลมหาชน แสดงพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดเพื่อช่วยเหลือ หรือปกป้องผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายในระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีอีกเป็นอันขาด” บัดนี้ ได้เกิดขบวนการและความพยายามในการบิดเบือนข้อมูล แอบอ้างความเรียบร้อยและความสงบเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงเพื่อมิให้ประชาชนสนใจต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ทุจริตคอร์รัปชัน ขายชาติ และย่ำยีกฎหมาย พร้อมๆ กับความพยายามที่จะนำเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลหุ่นเชิด เพื่อให้พรรคพลังประชาชนแสวงประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวไม่มีสิ้นสุด ดำรงวิกฤตที่สุดในโลก และความล่มจมประเทศชาติต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีภรรยา ถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอร์รัปชัน และร่ำรวยผิดปกติ, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรมหุ่นเชิด ผู้ที่ได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นคนใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชินวัตร หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ที่มีประวัติด่างพร้อยร่วมกับรัฐบาลทักษิณออกสลากพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัวโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนแสดงพฤติกรรมช่วยเหลือในการคืนเงินที่อายัดให้กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่เคยแสดงจุดยืนตามข้อ 5 ของแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ดังนี้ 1.ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พยายามแก้ไขเพื่อฟอกความผิดที่กระทำสำเร็จไปแล้วให้กับตัวเองและพวกพ้อง พยายามแก้ไขเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง พยายามแก้ไขเพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสะสางปัญหาความอยุติธรรมและคืนความยุติธรรมทั้งหลายให้กับสังคม ด้วยความจริงใจ ได้แก่ - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดดำเนินคดีความต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ ฯลฯ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดโดยเร็ว - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและภรรยา - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทย - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นทีโดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และไม่แสดงจุดยืนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่คุกคามทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการยุติการใช้สื่อของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อและโกหกหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใสที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที - ไม่ยอมยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 และไม่ยอมใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทน เพื่อประโยชน์ สูงสุดของคนในชาติ ไม่ยอมนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท. 3.ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ไม่ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง คนไม่ดีกลับมีอำนาจ ประชาชนทุกภาคส่วนและทุกสาขาอาชีพไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมทางการเมือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าการเข้าสู่อำนาจของบุคคลใดก็ตามที่มีจุดยืนดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของฝ่ายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เป็นฝ่ายที่แสดงเจตนาที่จะไม่เคารพกฎหมายและเหตุผล เราจึงขอยืนหยัดใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อชุมนุมอย่างสงบ อหิงสาและปราศจากอาวุธต่อไปในทำเนียบรัฐบาล และขอปฏิเสธรัฐบาลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ 1.เราไม่ต้องการ “นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด หรือรัฐบาลผสมที่มีส่วนร่วมจากพรรคพลังประชาชน” ซึ่งหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปนานแล้ว กระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะปฏิบัติตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 21/2551 ด้วยความจริงใจ 2.เราไม่ต้องการ “รัฐบาลแห่งชาติที่มาจากการส่งตัวแทนทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล” เพราะจะทำให้เกิดการสมยอมกันในทางการเมือง ขาดการถ่วงดุลตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร จึงย่อมไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เช่นกัน 3.เราไม่ต้องการ “บุคคลที่เคยตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาต่อมวลมหาประชาชนมาเป็นนายกรัฐมนตรี” ซึ่งไม่สามารถที่จะเชื่อถือต่อคำมั่นสัญญาใดๆที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ในอนาคตได้ 4.เราไม่ต้องการการรัฐประหารเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง และไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่า วิกฤตการเมืองครั้งนี้ได้มาถึงทางตัน ไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดิมๆ จึงขอเสนอทางออกด้วยการให้มี “รัฐบาลประชาภิวัฒน์” ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้ 1.ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มิให้คนไม่ดีมีอำนาจ ขอให้นักการเมืองในรัฐสภายอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ยอมให้บุคคลที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย มีความสามารถ และมีความจริงใจในการแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง ให้เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของ กลุ่มการเมือง และปราศจากตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของกลุ่มทุน 2.ให้รัฐบาลประชาภิวัฒน์เข้ามาดำเนินการภารกิจเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองตามแนวทางในแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะสางความอยุติธรรมทั้งปวงและคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย 3.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่พร้อมปฏิรูปการเมืองร่วมกับประชาชนด้วยความจริงใจ เป็นแกนกลางระดมความร่วมมือจากองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง 4.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกำหนด “วาระแห่งชาติ” ที่แท้จริง และครอบคลุมปัญหาและความเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ 5.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้เกิด “สภาประชาภิวัฒน์” ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน การก่อกำเนิดของรัฐบาลประชาภิวัฒน์ และการปฏิบัติตามเงื่อนไขในแถลงการณ์ ฉบับ 21/2551 เท่านั้น จะเป็นแนวทางในการแก้ไขวิกฤตของชาติได้ ด้วยจิตคารวะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เราต้องออกมาแสดงจุดยืนของเรา หลังจากที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ออกมาแสดงจุดยืนในการสืบทอดระบอบทักษิณ เราจะไม่ยอมให้คนของพรรคพลังประชาชน ขึ้นมาปกครองอีกเด็ดขาด เพราะนายสมชาย ก็คือน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ หากแก๊ง 3 ส.เข้ามาเป็นนายกฯ นั่นคือ การเป็นรัฐบาลของระบอบทักษิณ เราคงยอมไม่ได้ นายสนธิ กล่าวว่า เราจะไม่มีวันยอมให้คนของทักษิณเข้ามาปกครองอีก เป็นจุดยืนในการต่อสู้ของพวกเรานับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งหลังจากรัฐบาล คมช.และมีการจัดการเลือกตั้ง เขาก็ส่งนอมินีเข้ามา และตอนนี้เขาก็จะส่งน้องเขยเข้ามาอีก แม้ นายสมชาย จะโกหก ว่า ไม่มีใบสั่งจากลอนดอน ซึ่งเป็นคนที่หนีอาญาแผ่นดิน หนีคดีโกงกินชาติบ้านเมือง จาบจ้วงสถาบัน ปล้นชาติ ขายแผ่นดินให้เขมร เรายอมไม่ได้ และจะขอสู้จนตาย ไม่ยอมถอยแม้แต่องคุลีเดียว นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันพุธหน้าจะมีการเลือก 3 ส.มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ต่างจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาล เพราะเขาก็จะเป็นรัฐมนตรีเงาที่ชักใยบงการมาจากลอนดอน พันธมิตรฯ ก็เลยต้องประกาศจุดยืน โดยยืนยันว่า พวกเราจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว


ที่มา:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109021
โพสโดย:นางสาว ศิริกานต์ ทองเครือมา ID 5131600184 SEC 1

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยืนยันจะทำงานเต็มความสามารถหากได้เป็นนายกฯ

3 ส.แกนนำพรรคพลังประชาชน เดินสายพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งประชาราช รวมใจไทยชาติพัฒนา ต่างให้คำมั่นจะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป ส่วนผู้ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้เสนอ ขณะที่ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ยืนยันหากต้องมาเป็นนายกฯ จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อความสงบของประเทศ ส่วนอีก 2 ส.ย้ำโอกาสเป็นนายกฯ ยังเปิดกว้างสำหรับทุกคน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(14 ก.ย.) เวลา 13.10 น.แกนนำพรรคพลังประชาชน ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้า และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค ได้เดินทางไปที่บ้านพักเมืองทองธานีของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพื่อเข้าพบนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยา โดยหารือกันนานกว่า 30 นาที นายสมชาย เปิดเผยว่าได้มาพบนายเสนาะ เพื่อเชิญให้เข้าร่วมงานการเมืองเป็นรัฐบาลกันต่อไป ซึ่งต้องขอบคุณที่นายเสนาะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และวันนี้เป็นเพียงการหารือในหลักการ โดยนายเสนาะได้ให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้พิจารณาเสนอชื่อคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีการกำหนดสเปคว่าจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งในส่วนของพรรคพลังประชาชนจะประชุมกัน และจะแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบในวันที่ 16 กันยายนนี้ ส่วนกรณีที่นายเสนาะ เคยบอกว่า นายสมชาย เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะเป็นคนกลาง ไม่เคยทำอะไรที่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ แต่วันนี้ยังไม่มีการพูดกันในเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นการพบปะกับนายเสนาะ แล้ว 3 แกนนำพรรคพลังประชาชน ได้เดินทางต่อไปยังที่ทำการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในเวลา 15.00 น.เพื่อเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค และ ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ แกนนำพรรค โดยใช้เวลาหารือประมาณ 15 นาที ซึ่งนายสมชาย ย้ำว่าเป็นการมาเชิญให้มาร่วมทำงานเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งการทำงานร่วมกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาที่ผ่านมา เป็นไปด้วยดีมีหลายนโยบายที่ร่วมกับพรรคพลังประชาชนแล้วสามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่ง พล.อ.เชษฐา ได้ตอบรับ นายสมชาย กล่าวถึงกรณีที่เป็น 1 ในตัวเก็งที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีว่า พรรคยังไม่ได้ข้อสรุป ซี่งในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และเวลา 14.00 น.จะประชุม ส.ส. ทั้งนี้พรรคยึดระบอบประชาธิปไตยเป็นหลัก โดยให้เอกสิทธิ์ ส.ส.ใช้ดุลยพินิจพิจารณาโดยยึดเสียงข้างมาก "หากต้องเข้ามารับตำแหน่งจะทำงานอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ เพราะหากปล่อยให้บ้านเมืองวุ่นวายตลอดไปคงลำบาก และเมื่อเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องพยายามประสาน" นายสมชาย กล่าว ส่วนกรณีที่นายเสนาะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายสมชาย เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าต้องขอบคุณที่ให้เครดิต และในกรณีที่มองกันว่าพรรคพลังประชาชนได้แตกเป็น 2 ขั้วนั้น ยืนยันว่าไม่มีขั้วอะไรทั้งสิ้น พรรคจะลงมติเลือกใครต้องยึดมติ ส.ส. ทั้งนี้เราสามัคคีและพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าต่อไป ด้าน พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการยืนยันครั้งที่ 3 ที่จะร่วมทำงานกับพรรคพลังประชาชนนับตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.2551 โดยยืนยันด้วยคำพูดเดิมว่า ด้วยเหตุผลและความชอบธรรมที่พรรคพลังประชาชนมีคะแนนอันดับ 1 ทางพรรคขอร่วมทำงาน แม้จะมีเสียงไม่มาก แต่อยากนำนโยบายไปสู่การบริหารประเทศชาติ ซึ่งเรื่องการกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน หากเสนอใครมาพรรคก็รับได้ และเชื่อว่าในพรรคพลังประชาชนมี ส.ส.ตั้ง 200 กว่าคน แต่ละคนมีศักยภาพหากเสนอมาก็พร้อมสนับสนุน ด้านนายสมพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่เป็น 1 ในตัวเก็งที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ถือว่าได้รับเกียรติ ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การสรรหาผู้ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับคนในพรรคที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คน 3 คนเท่านั้น โดยโอกาสยังเปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่สุดท้ายผู้ที่จะตัดสินใจคือ ส.ส.ในพรรค




โพสต์โดย: นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005


ชาติไทยตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้ง

บ้านพักจรัญสนิทวงศ์ 14 ก.ย.-พรรคชาติไทยตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้ง ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เห็นว่าทั้ง 3 ส. มีความเหมาะสม แกนนำพรรคพลังประชาชน ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เข้าหารือกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ที่บ้านพักนายบรรหารย่านจรัญสนิทวงศ์ ซอย 55 โดยนายบรรหารยังยืนยันจะร่วมรัฐบาลกับพลังประชาชน แต่ขอให้ไปคัดเลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนแจ้งให้ทางพรรครับทราบ แต่ฝากข้อสังเกตถึงคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นคนที่อ่อนโยน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ปรองดองกับทุกฝ่าย และเห็นว่าทั้ง 3 ส. ดูดีเหมาะสม ส่วนกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อยู่ในฐานะน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นปัญหาหรือทำให้เกิดแรงเสียดทานหรือไม่ ยังไม่ขอพูดถึง เพราะยังไม่ได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าอดีตพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค จะยังจับมือกันเหนียวแน่น ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเลือกใครเป็นนายกก็ตาม ก่อนหน้านี้ในช่วงเย็น แกนนำพรรคพลังประชาชนได้เข้าหารือกับนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งพรรคมัชฌิมาธิปไตยตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลเช่นกัน




โพสต์โดย: นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร ID: 5131601005


‘วิกฤตที่สุดในโลก’ต้นเหตุคือการเมืองเก่า!

คำว่า “วิกฤตที่สุดในโลก” ที่แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมักจะนำมาใช้บ่อยๆ นั้นมาจากนัยแห่งพระราชดำรัสในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 25 เมษายน 2549 ที่พระราชทานแด่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลปกครอง ในวันนั้นพระองค์ทรงขอให้ศาลช่วยแก้ไข

เราคงจะเห็นแล้วว่าศาลได้พยายามทำหน้าที่มาโดยลำดับ
ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ “วิกฤตที่สุดในโลก” นี้ยังคงไม่หมดไป โดยเฉพาะต่อให้ผ่านวันพุธที่ 17 กันยายน 2551
เพราะ “การเมืองเก่า” ยังคงอยู่ !

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่บอกว่าการเมืองปัจจุบันมีปัญหาที่รากฐาน ต้องปรับแก้กันใหม่ ไม่ใช่แค่ยุบสภา รัฐบาลลาออก หรือปรับคณะรัฐมนตรี

ท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสีพูดแล้วพูดอีกหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อต้นปี 2550

“ระบบการเมืองของเราเป็นเส้นทางสายเดี่ยว คือ การเลือกตั้ง แล้วก็กินรวบหมด...
“เมื่อเส้นทางนั้นอุดตัน คือมีการใช้เงินกันมาก ก็อักเสบกันไปทั้งระบบ ในเมื่อการเลือกตั้งก็ต้องมี ไม่มีไม่ได้ และก็ยังไม่สามารถขจัดอิทธิพลของเงินออกไปได้ การเมืองเรื่องเลือกตั้งจึงเป็นการเมืองที่ไม่บริสุทธิ์ และขาดคุณภาพ ถ้าประชาธิปไตยจะมีแต่การเลือกตั้งอย่างเดียว เราก็จะวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์...”

นี่คือข้อเสนอให้คนไทยหาทางสร้างระบอบประชาธิปไตยลักษณะใหม่ที่ไม่ผูกติดตัวเองอยู่กับการเลือกตั้งสถานเดียว

ในบทความเรื่องนี้ที่เขียนขึ้นหลังรัฐประหารครั้งล่าสุดไม่นานนัก มุ่งหวังจะให้คนไทยก้าวให้พ้น “กับดักทางความคิด” เดิมๆ ที่ติดยึดแต่เพียงว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง แล้วหันมาใช้กลไกประชาธิปไตยอย่างมีส่วนร่วมให้มากขึ้น โดยเสนอนวัตกรรมทางโครงสร้างหลายประการที่ถ้านำมาพูดวันนี้โดยคนที่มีลักษณะเป็นผู้นำมวลชนแล้วอาจจะสร้างความตกอกตกใจให้กับคนที่ไม่กล้าคิดใหม่มากกว่าสิ่งที่เรียกว่า “ระบบ 70 : 30” เสียด้วยซ้ำ เป็นต้นว่า...

- คณะกรรมการอิสระเพื่อการสรรหาแห่งชาติ
- คณะกรรมการอิสระเพื่อการประเมินแห่งชาติ
- ประชาธิปไตยชุมชน (Community Democracy)
- ประชาธิปไตยท้องถิ่น (Local Democracy)
- การเมืองภาคประชาชน (Popular Democracy)

น่าเสียดายที่ คมช. และรัฐบาลที่มาจาก คมช. ด้อยสติปัญญาเกินกว่าที่จะนำข้อเสนอทำนองนี้มาวิเคราะห์และกลั่นกรอง คิดได้ตื้นๆ เพียงแค่รักษาระบอบเก่าไว้ เตะคนเก่าออกไป หาคนใหม่ที่ตนครอบงำได้เข้าไปแทน

ท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสีไม่ใช่คนแรกที่เห็นความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยโดยตัวแทนในบ้านเรา

นสพ.ผู้จัดการรายวันใช้คำว่า “นักเลือกตั้ง” และ “ลัทธิเลือกตั้งธิปไตย” เสียดสีและสะท้อนภาพความเน่าเฟะของระบอบฯ มาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2535 จากนั้น 2 คำนี้ก็ได้รับการใช้โดยนักวิชาการและปัญญาชนทั่วไป

กระบวนการปฏิรูปการเมืองระหว่างปี 2537 – 2539 ที่มาของรัฐธรรมนูญ 2540 ก็มีที่มาส่วนสำคัญจากแนวคิดนี้

นวัตกรรมทางการเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อลดทอนอำนาจของ “นักเลือกตั้ง” ทั้งสิ้น!
แต่ไม่สำเร็จ!!

ในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ท่านอาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ แกนนำสำคัญในทางปฏิบัติของการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ได้เสนอบทความเรื่องหนึ่งชื่อ “พลวัตของการเมืองไทย” มีภาคแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยชื่อ “Dynamics of Thai Politics” ในบทความชิ้นนี้มองพ้นกรอบของกฎหมาย และกรอบของรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแบบตะวันตกไป โดยเสนอว่าจะบัญญัติโครงสร้างทางการเมืองอย่างไร ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่สุดก่อน

คือให้ “องค์ประกอบ 4 ส่วน” ของสังคมไทยอยู่ร่วมกันได้ ไม่ตัดขาดส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป

“อัจตวานุภาพ”
องค์ประกอบ 4 ส่วนที่จะตัดขาดออกไปไม่ได้นี้คือ....
- สถาบันพระมหากษัตริย์
- ข้าราชการทหารและพลเรือน
- ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ – ซึ่งสามารถต่อรองได้ในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด
- ประชาชนส่วนใหญ่ในชนบท – ซึ่งเข้าถึงทรัพยากรได้ยาก และไม่มีอำนาจต่อรองในระบบเศรษฐกิจ

จากพื้นฐานความเป็นจริงเช่นนี้ ท่านเสนอให้วุฒิสภามีที่มาแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนกัน และเปิดโอกาสให้ข้าราชการทหารและพลเรือนเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้

ท่านบอกว่านี่ไม่ใช่ความคิดใหม่อะไร อังกฤษประเทศแม่บทประชาธิปไตยระบบรัฐสภาที่เราชอบอ้างจากบทเรียนท่องจำนั้น

คนที่ศึกษาหนังสือ De l’Esprit des Lois ของมงเตสกิเออ ต่างก็รู้ว่า ที่มงเตสกิเออชื่นชมการปกครองอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก็เพราะสังคมอังกฤษมีรัฐธรรมนูญที่ผนวกตรียานุภาพของอังกฤษไว้ คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ พระ และขุนนาง - ในสภาขุนนาง และสามัญชน – ในสภาสามัญ

ถ้าไม่อคติกันจนเกินไป จะพบว่าแม้จะต่างกันในรายละเอียด แต่แนวคิดใหญ่ๆ ไม่ต่างจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ทดลองเสนอ” หรอก

แม้จะไม่ได้พบปะสนทนากัน แม้จะคิดต่างในหลายประเด็น แต่ผมเชื่อว่าในประเด็น “การเมืองใหม่” นี้ แกนนำพันธมิตรฯ เห็นด้วยกับ “ประชาธิปไตยพหุอำนาจ” ของท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสี และเห็นด้วยกับท่านอาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณในการสร้างดุลยภาพให้แก่ “อัจตวานุภาพ” ของสังคมไทย...

ใครจะเป็นเป็น “เจ้าภาพ” ให้เกิดการพิจารณาประเด็น “การเมืองใหม่” นี้ได้บ้าง
จำเป็นต้องมีครับ
อย่าคิดแค่ให้ผ่านวันพุธที่ 17 กันยายน 2551 ไป
ผมมองไม่เห็นใคร
แต่อยากเสนอพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาช่วยพิจารณาหน่อย !




credit : www.manager.co.th
update by Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001