Two Ramkamhaeng University students were shot as they and other students were marching to residence of prime minister in Buengkhum district.
Lardprao police chief Pol Col Somsak Bunsaeng said two men on a motorcycle shot the students, injuring two.
The injured were among about 100 students who marched to Samak's residence to protest against his government.
The shooting happened although police have provided safety along the way.
The march started from the university through Lamsalee Intersection to Soi Nawamin 81 where his residence is.
เอาละสิ ... เหตุการณ์นองเลือดอีกแล้ว
เป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
มันช่างหัวรุนแรงอะไรเช่นนี้ ...
ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธ ว่าอยู่สีเหลือง
เพราะนายกออกมาบอกว่า เราต้องเลือกข้างให้ชัดเจน (ฮาาา...)
แต่พอได้คุยกับแม่ แม่บอกว่า เราต้องฟังทั้งสองฝ่ายแล้วเอามาชั่งน้ำหนักกัน
ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนมาอยู่ สีส้ม แทนได้ไหม :-)
เราควรจะมาคิดเล่นๆกันว่า
ว่าเหตุใดยังมีคนอยู่ฝ่ายสีแดง
และเหตุใด คนถึงอยู่ฝ่ายสีเหลือง
หลังจากเอนทรี่ที่ผ่านมาหลายๆเอนทรี่ที่ข้าพเจ้าเป็นคนเขียน
ข้าพเจ้ายอมรับว่าได้เขียนวิจารณ์มากเกินไปหน่อย
จากการที่ข้าพเจ้าเถียง ... ข้าพเจ้าต้องกลับมาฟัง กลับมาดูทั้งสองด้าน
ว่าต่างคนต่างก็มีความเดือดร้อน
ฝ่ายสีเหลือง อาจจะเดือดร้อน เพราะระบบราชการไม่ดี ผู้บริหารไม่ดี ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง อันนี้เป็นเรื่องทางสังคม
ฝ่ายสีแดง อาจเดือดร้อน เพราะรัฐวิสาหกิจขู่ตัดน้ำ ตัดไฟ ระบบเศรษฐกิจไปไม่ได้ ธุรกิจล้ม อันนี้เป็นปัญหาของการเงิน
ดังนั้น ... ทุกๆคนเอ๋ย
เราอย่ามาทะเลาะกันเรื่องการเมืองเลย
เขาว่ากันว่า การเมืองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
เช่นเดียวกับความคิดของคนเราที่ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
แต่อย่างไรก็ตาม .. มิตรภาพต่างหากที่สำคัญที่สุด
และ มิตรภาพจะนำพาความสันติมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
หากเพียงแต่เราเปิดใจเข้าหากันและกัน
ไม่เสพสื่อ เพียงทางเดียว
และสื่อควรมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ในแง่ปฏิบัติ มิใช่เพียงแต่คำพูด
เพื่อลดความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย
เพราะข่าวที่บิดเบือนความจริง
ก็เหมือนกับเป็นการดูถูก โกหกประชาชน
อีกทั้ง ภาครัฐก็ไม่ควรที่จะใช้สื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการยั่วยุ
ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากไปกว่าเดิม
ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากเรา เปิดใจรับฟังข่าวสารของทั้งสองฝ่ายซึ่งกันและกัน
ไม่เหลืองจัด หรือแดงจัด เข้าใจถึงปัญหาของแต่ละคน ในเชิง "องค์รวม"
ไม่ใช่เห็นประโยชน์แก่ตนเองเพียงคนเดียว
เมื่อนั้น ประเทศชาติคงน่าอยู่กว่ากันเยอะ
จริงไหมคะ ??
credit : www.thenationmultimedia.com
written & update by : Kotchakorn Sunthikhunakorn 513 1601 001
The injured were among about 100 students who marched to Samak's residence to protest against his government.
The shooting happened although police have provided safety along the way.
The march started from the university through Lamsalee Intersection to Soi Nawamin 81 where his residence is.
เอาละสิ ... เหตุการณ์นองเลือดอีกแล้ว
เป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
มันช่างหัวรุนแรงอะไรเช่นนี้ ...
ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธ ว่าอยู่สีเหลือง
เพราะนายกออกมาบอกว่า เราต้องเลือกข้างให้ชัดเจน (ฮาาา...)
แต่พอได้คุยกับแม่ แม่บอกว่า เราต้องฟังทั้งสองฝ่ายแล้วเอามาชั่งน้ำหนักกัน
ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนมาอยู่ สีส้ม แทนได้ไหม :-)
เราควรจะมาคิดเล่นๆกันว่า
ว่าเหตุใดยังมีคนอยู่ฝ่ายสีแดง
และเหตุใด คนถึงอยู่ฝ่ายสีเหลือง
หลังจากเอนทรี่ที่ผ่านมาหลายๆเอนทรี่ที่ข้าพเจ้าเป็นคนเขียน
ข้าพเจ้ายอมรับว่าได้เขียนวิจารณ์มากเกินไปหน่อย
จากการที่ข้าพเจ้าเถียง ... ข้าพเจ้าต้องกลับมาฟัง กลับมาดูทั้งสองด้าน
ว่าต่างคนต่างก็มีความเดือดร้อน
ฝ่ายสีเหลือง อาจจะเดือดร้อน เพราะระบบราชการไม่ดี ผู้บริหารไม่ดี ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง อันนี้เป็นเรื่องทางสังคม
ฝ่ายสีแดง อาจเดือดร้อน เพราะรัฐวิสาหกิจขู่ตัดน้ำ ตัดไฟ ระบบเศรษฐกิจไปไม่ได้ ธุรกิจล้ม อันนี้เป็นปัญหาของการเงิน
ดังนั้น ... ทุกๆคนเอ๋ย
เราอย่ามาทะเลาะกันเรื่องการเมืองเลย
เขาว่ากันว่า การเมืองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
เช่นเดียวกับความคิดของคนเราที่ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
แต่อย่างไรก็ตาม .. มิตรภาพต่างหากที่สำคัญที่สุด
และ มิตรภาพจะนำพาความสันติมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
หากเพียงแต่เราเปิดใจเข้าหากันและกัน
ไม่เสพสื่อ เพียงทางเดียว
และสื่อควรมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ในแง่ปฏิบัติ มิใช่เพียงแต่คำพูด
เพื่อลดความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย
เพราะข่าวที่บิดเบือนความจริง
ก็เหมือนกับเป็นการดูถูก โกหกประชาชน
อีกทั้ง ภาครัฐก็ไม่ควรที่จะใช้สื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการยั่วยุ
ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากไปกว่าเดิม
ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากเรา เปิดใจรับฟังข่าวสารของทั้งสองฝ่ายซึ่งกันและกัน
ไม่เหลืองจัด หรือแดงจัด เข้าใจถึงปัญหาของแต่ละคน ในเชิง "องค์รวม"
ไม่ใช่เห็นประโยชน์แก่ตนเองเพียงคนเดียว
เมื่อนั้น ประเทศชาติคงน่าอยู่กว่ากันเยอะ
จริงไหมคะ ??
credit : www.thenationmultimedia.com
written & update by : Kotchakorn Sunthikhunakorn 513 1601 001
3 ความคิดเห็น:
ดิฉันคิดว่า การที่จะคิดว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องของเสียงส่วนมาก
ความคิดนี้ล้าสมัยไปแล้วค่ะ
เป็นเสียงส่วนมากที่ "ไร้คุณภาพ" มันน่าดีใจหรือคะ
แน่ใจแล้วหรอคะ
ว่าระบบการปกครองที่คุณบอกกันว่าเป็นประชาธิปไตย
มันเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ??
การใช้อำนาจอันมิชอบของคนพวกจำพวก
ส่งผลให้คนอื่นเดือดร้อน
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหันหน้าพูดคุยกันด้วยดี แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เดือดร้อนไปตามๆกันหมด เรื่องของการเมืองเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ก็จริงเพราะส่งผลกระทบต่อทุกคนทุกฝ่าย แต่การเมืองก็เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากๆ เราจึงควรคิดไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดให้ดีก่อนที่ประเทศจะนองเลือด ประชาชนทุกคนจะนองน้ำตา การเมืองไทยต้องอยู่คู่กับคำว่ามิตรภาพนะค่ะ
Chalinee aemon
ID 5131601043 Sec 1
แสดงความคิดเห็น