ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ย้ำทำหน้าที่แค่เจรจาและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงในบ้านเมือง ส่วนปัญหาที่เหลือโยนให้รัฐสภา-ศาลดำเนินการ แต่ยืนยันไม่ใช้กำลังรุนแรง ไม่ตอบคำถามให้ “หมัก” ลาออกระบุให้ไปถามเจ้าตัวเอง คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แถลงข่าว วันนี้ (2 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้แถลงภายหลังการประชุมที่มีผู้บริหารหน่วยงานระดับสูงที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แม่ทัพภาคที่ 1 รวมทั้งปลัดกระทรวงต่างเข้าร่วม โดย พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่า จะใช้หลักการเจรจาเป็นหลักเพื่อไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกันกันเท่านั้น ส่วนกลไกการแก้ไขปัญหาให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภาและศาลเป็นกลไกหลัก “สถานการณ์ในขณะนี้เกินกว่าสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะสังคมมีการแตกออกเป็นสองฝ่าย ดังนั้นสิ่งที่ทางฝ่ายคณะกรรมการที่พวกกระผมดูแลอยู่นี้จะป้องกันไม่ให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันเท่านั้น” พล.อ.อนุพงษ์ ระบุ และย้ำว่าทหารอย่ข้างประชาชนไม่ใช้ความรุนแรง ถามว่าการที่แก้ปัญหาแบบนี้ทำไมไม่เสียสละนายกฯ เฮงซวยออกไปสักคนได้หรือไม่ ผู้บัญชาการทหารบก ย้ำว่า ต้องยึดแนวทางกฎหมาย ใช้กลไกรัฐสภา และยืนยันว่าการเมืองก็ต้องแก้กันด้วยกลไกทางการเมือง ถามว่าจะดูแลเรื่องของสื่อทั้งสองฝ่าย (เอเอสทีวี-เอ็นบีที) อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกำลังพิจารณาเรื่องนี้ แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง และเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเป็นที่จับจ้องของต่างชาติด้วย แต่ต้องใช้มาตราการที่เหมาะสม “เวลานี้ให้รัฐสภาแก้ปัญหาดีที่สุด เพราะรัฐสภาต้องรับผิดชอบประเทศให้มากกว่านี้ ขณะเดียวกัน เวลานี้กระบวนการทางศาลก็กำลังดำเนินการอยู่แล้ว” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว ถามว่า รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าให้ตอบตรงหน้าคงทำไม่ได้ แต่ต้องไปถามฝ่ายบริหารที่ใช้อำนาจเอง
โพสโดย:นางสาว ศิริกานต์ ทองเครือมา ID:5131601184
1 ความคิดเห็น:
ก็นะ การเมืองเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่
แต่ก็ละเอียดอ่อน
เพราะมีผลต่อทั้งคนในประเทศ
และภาพลักษณ์ของประเทศเองด้วย
อีกทั้งคนในประเทศแตกเป็นสองฝ่าย
มันเกินกว่าที่แล้ว ๆ มา
ความสงบสุขจะสงบลงได้นะ ถ้าบุคคลต้นเหตุ
ช่วยออกมาคลี่คลายด้วยเถอะ
เห็นแก่ประเทศชาติหน่อย
(ฝันถึงคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว
คนเห็นแก่ตัว ฟ้าจะมัว แผ่นดินจะหมอง นองน้ำตา)
Thitikan Chinpirasatian
513-1601-050
sec.1
แสดงความคิดเห็น