วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ ไม่เอา 3 ส. เรียกร้องรัฐประหารอีก

ความคืบหน้าของม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้ (12 กันยายน) บรรยากาศการชุมนุมในช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยผู้ชุมนุมต่างเฝ้าติดตามข่าวการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนบนเวทีปราศรัยมีการจัดรายการข่าวยามเช้า พร้อมประกาศห้ามกลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมที่รัฐสภาอย่างเด็ดขาด ต่อมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงหลังทราบว่าสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการพิจารณาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไปเป็นวันที่ 17 กันยายน โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง เป็นเรื่องของนักเลือกตั้งที่เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวจะทะเลาะกัน แต่พอเจรจากันได้ทุกอย่างก็จบ เป็นลักษณะของซ่องโจรธรรมดา ซึ่งพันธมิตรฯ ยังยืนยันในจุดเดิมว่าถ้านายกรัฐมนตรีมาจากคนในพรรคพลังประชาชนและในพรรคร่วมรัฐบาล พันธมิตรฯ จะยังชุมนุมต่อไป เพราะปัญหายังเหมือนเดิม เพราะคนพวกนี้ไม่เคยคิดแก้ปัญหาประเทศชาติ รวมทั้งได้ทำผิด นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คือสมุนรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายสมชายเป็นน้องเขย ให้เข้ามาบริหารประเทศก่อนไม่ได้ ล่าสุดนายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ประกาศต้องทำตามคำสั่งคนจากลอนดอน ลักษณะนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการทุนสามานย์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน ไม่สนใจปัญหาประเทศชาติ และความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าออกจากการเป็นรัฐบาลปัญหาจะคลี่คลาย แต่ยังดื้อดึงเดินหน้าสร้างวิกฤตให้กับประเทศชาติ โดยเฉพาะการไม่ยอมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการทำร้ายประเทศชาติ "พันธมิตรฯ ไม่ได้กำหนดสเปคนายกรัฐมนตรี แต่กำหนดหลักการว่าต้องเป็นคนดี อย่างน้อยไม่เคยทำความชั่ว จนเป็นที่แจ้งประจักษ์ ไม่เคยมีคดี ไม่เคยมีความชั่วช้า ไม่เคยขายแผ่นดิน เท่าที่เห็นมีแต่คดีติดตัวมอมแมมไปหมด ปลอมใบสุทธิ อยู่ในคดี ประเทศไทยมาถึงจุดที่ว่าหาคนเลวน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ ทางออกถ้าจะมีต้องเป็นทางออกของประเทศ ไม่ใช่ทางออกของนักเลือกตั้ง การต่อสู้ของเราต้องคุ้มทุนที่ทำไปแล้ว ความเสียหายที่ผ่านมาเป็นต้นทุนที่มากพอสมควร ดังนั้น สิ่งที่ได้มาใหม่ต้องมากกว่าสิ่งที่เสียหายไป เมื่อผ่าตัดไปแล้วโรคต้องหาย สุขภาพต้องดี ประเทศต้องได้ประโยชน์" นายสมศักดิ์ กล่าว ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า ขณะนี้ตนคิดว่าพรรคพลังประชาชนอาจใช้ไม้ตายสุดท้ายโดยชิงยุบสภา เนื่องจากไม่สามารถตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลในการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายสมัคร สุนทรเวช ถอดใจไปแล้ว ตนรู้สึกเห็นใจเนื่องจากนายสมัครถือเป็นอะไหล่ของระบอบทักษิณ อนาคตนายสมัครจบสิ้นลงหลังสภาเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีกระแสข่าวว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมร วิวัฒน์ หรือน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นั้น คิดว่าทั้ง 3 คนไม่สามารถคลี่คลายความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ เพราะทั้ง 3 คนมีความเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่านายสมัคร หากคิดจะเอาทั้ง 3 คนมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อลดแรงต้านถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะสังคมยังหวาดระแวงกับนอมินีระบอบทักษิณ ที่พยายามกอบกู้อำนาจการเมืองเก่าขึ้น ผลที่ตามมาจะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถยุติการชุมนุมได้ ตนอยากบอกคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า ควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่สร้างความขัดแย้งและไม่ใช่นอมินีของระบอบทักษิณ "จุดยืนของพันธมิตรฯ ในช่วง 4-5 วันนี้จะไม่เคลื่อนการชุมนุม แต่จะชุมนุมยืดเยื้อ และตรวจสอบทุกพรรค ทั้งนี้ ตนอยากเสนอไปยังรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ 2 สูตรคือ สูตรที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลพิเศษตามแบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอไว้ สูตรที่ 2 เปลี่ยนขั้วการเมืองโดยให้พรรคร่วมรัฐบาลมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่สูตรนี้น่าจะเกิดปัญหา เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยมีความคิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรี หากทั้ง 2 สูตรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในเวลา 5 วัน คิดว่าน่าจะเกิดทางเลือกที่ 3 คือการรัฐประหาร ซึ่งขณะนี้สังคมกำลังถวิลหา อาจใช้กำลังทหารและอำนาจนอกระบบเข้ามาแก้ปัญหา เพราะสภาขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้" นายสุริยะใส กล่าว ทางด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า หากมีรัฐบาลใหม่รวมถึงรัฐบาลแห่งชาติ แล้วมีคนมาขอให้เป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี ตนจะไม่ไปเป็นอย่างเด็ดขาด แต่หากให้มีอำนาจเต็มในการจัดระเบียบสื่อมวลชนจะรับไปจัดการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

ที่มา: http://hilight.kapook.com/view/28815


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

ไม่มีความคิดเห็น: