วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ ย้ำไม่เอานายกฯ “หุ่นเชิด”- ลั่น! รัฐบาลใหม่ต้อง “ประชาภิวัฒน์”

พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ ยืนยันสิทธิชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลต่อ พร้อมย้ำจุดยืนพันธมิตรฯไม่เอานายกฯ หุ่นเชิด ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ที่ให้ทุกพรรคมาสมยอมกันโดยขาดการตรวจสอบ ไม่เอาคนตระบัดสัตย์ พร้อมต่อต้านรัฐประหารเพื่อตัวเอง และพวกพ้อง เสนอทางออกต้องเป็นรัฐบาล “ประชาภิวัฒน์” ส่งเสริมคนดีมาปกครอง สะสางความยุติธรรม พร้อมปฏิรูปการเมือง จัดตั้ง “สภาประชาภิวัฒน์” นำพาประเทศพ้นวิถีการเมืองเดิม เมื่อเวลา 21.25 น.วันที่ 14 ก.ย.2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีในที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 ของพันธมิตรฯ เพื่อประกาศจุดยืนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังนี้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง “รัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤตชาติได้” ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออก แถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 โดยในข้อที่ 3 ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวได้ระบุจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า “เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่สุดในโลก และมิให้ประเทศชาติล่มจมต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเตือนต่อสภาผู้แทนราษฎรให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และปกป้องมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่าได้นำเสนอชื่อบุคคลใดก็ตามที่มีประวัติด่างพร้อย กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตระบัดสัตย์ต่อมวลมหาชน แสดงพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดเพื่อช่วยเหลือ หรือปกป้องผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายในระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีอีกเป็นอันขาด” บัดนี้ ได้เกิดขบวนการและความพยายามในการบิดเบือนข้อมูล แอบอ้างความเรียบร้อยและความสงบเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงเพื่อมิให้ประชาชนสนใจต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ทุจริตคอร์รัปชัน ขายชาติ และย่ำยีกฎหมาย พร้อมๆ กับความพยายามที่จะนำเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลหุ่นเชิด เพื่อให้พรรคพลังประชาชนแสวงประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวไม่มีสิ้นสุด ดำรงวิกฤตที่สุดในโลก และความล่มจมประเทศชาติต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีภรรยา ถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอร์รัปชัน และร่ำรวยผิดปกติ, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรมหุ่นเชิด ผู้ที่ได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นคนใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชินวัตร หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ที่มีประวัติด่างพร้อยร่วมกับรัฐบาลทักษิณออกสลากพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัวโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนแสดงพฤติกรรมช่วยเหลือในการคืนเงินที่อายัดให้กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่เคยแสดงจุดยืนตามข้อ 5 ของแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ดังนี้ 1.ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พยายามแก้ไขเพื่อฟอกความผิดที่กระทำสำเร็จไปแล้วให้กับตัวเองและพวกพ้อง พยายามแก้ไขเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง พยายามแก้ไขเพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสะสางปัญหาความอยุติธรรมและคืนความยุติธรรมทั้งหลายให้กับสังคม ด้วยความจริงใจ ได้แก่ - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดดำเนินคดีความต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ ฯลฯ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดโดยเร็ว - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและภรรยา - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทย - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นทีโดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และไม่แสดงจุดยืนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่คุกคามทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการยุติการใช้สื่อของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อและโกหกหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที - ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใสที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที - ไม่ยอมยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 และไม่ยอมใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทน เพื่อประโยชน์ สูงสุดของคนในชาติ ไม่ยอมนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท. 3.ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ไม่ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง คนไม่ดีกลับมีอำนาจ ประชาชนทุกภาคส่วนและทุกสาขาอาชีพไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมทางการเมือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าการเข้าสู่อำนาจของบุคคลใดก็ตามที่มีจุดยืนดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของฝ่ายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เป็นฝ่ายที่แสดงเจตนาที่จะไม่เคารพกฎหมายและเหตุผล เราจึงขอยืนหยัดใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อชุมนุมอย่างสงบ อหิงสาและปราศจากอาวุธต่อไปในทำเนียบรัฐบาล และขอปฏิเสธรัฐบาลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ 1.เราไม่ต้องการ “นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด หรือรัฐบาลผสมที่มีส่วนร่วมจากพรรคพลังประชาชน” ซึ่งหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปนานแล้ว กระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะปฏิบัติตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 21/2551 ด้วยความจริงใจ 2.เราไม่ต้องการ “รัฐบาลแห่งชาติที่มาจากการส่งตัวแทนทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล” เพราะจะทำให้เกิดการสมยอมกันในทางการเมือง ขาดการถ่วงดุลตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร จึงย่อมไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เช่นกัน 3.เราไม่ต้องการ “บุคคลที่เคยตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาต่อมวลมหาประชาชนมาเป็นนายกรัฐมนตรี” ซึ่งไม่สามารถที่จะเชื่อถือต่อคำมั่นสัญญาใดๆที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ในอนาคตได้ 4.เราไม่ต้องการการรัฐประหารเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง และไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่า วิกฤตการเมืองครั้งนี้ได้มาถึงทางตัน ไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดิมๆ จึงขอเสนอทางออกด้วยการให้มี “รัฐบาลประชาภิวัฒน์” ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้ 1.ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มิให้คนไม่ดีมีอำนาจ ขอให้นักการเมืองในรัฐสภายอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ยอมให้บุคคลที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย มีความสามารถ และมีความจริงใจในการแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง ให้เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของ กลุ่มการเมือง และปราศจากตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของกลุ่มทุน 2.ให้รัฐบาลประชาภิวัฒน์เข้ามาดำเนินการภารกิจเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองตามแนวทางในแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะสางความอยุติธรรมทั้งปวงและคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย 3.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่พร้อมปฏิรูปการเมืองร่วมกับประชาชนด้วยความจริงใจ เป็นแกนกลางระดมความร่วมมือจากองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง 4.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกำหนด “วาระแห่งชาติ” ที่แท้จริง และครอบคลุมปัญหาและความเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ 5.รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้เกิด “สภาประชาภิวัฒน์” ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน การก่อกำเนิดของรัฐบาลประชาภิวัฒน์ และการปฏิบัติตามเงื่อนไขในแถลงการณ์ ฉบับ 21/2551 เท่านั้น จะเป็นแนวทางในการแก้ไขวิกฤตของชาติได้ ด้วยจิตคารวะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เราต้องออกมาแสดงจุดยืนของเรา หลังจากที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ออกมาแสดงจุดยืนในการสืบทอดระบอบทักษิณ เราจะไม่ยอมให้คนของพรรคพลังประชาชน ขึ้นมาปกครองอีกเด็ดขาด เพราะนายสมชาย ก็คือน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ หากแก๊ง 3 ส.เข้ามาเป็นนายกฯ นั่นคือ การเป็นรัฐบาลของระบอบทักษิณ เราคงยอมไม่ได้ นายสนธิ กล่าวว่า เราจะไม่มีวันยอมให้คนของทักษิณเข้ามาปกครองอีก เป็นจุดยืนในการต่อสู้ของพวกเรานับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งหลังจากรัฐบาล คมช.และมีการจัดการเลือกตั้ง เขาก็ส่งนอมินีเข้ามา และตอนนี้เขาก็จะส่งน้องเขยเข้ามาอีก แม้ นายสมชาย จะโกหก ว่า ไม่มีใบสั่งจากลอนดอน ซึ่งเป็นคนที่หนีอาญาแผ่นดิน หนีคดีโกงกินชาติบ้านเมือง จาบจ้วงสถาบัน ปล้นชาติ ขายแผ่นดินให้เขมร เรายอมไม่ได้ และจะขอสู้จนตาย ไม่ยอมถอยแม้แต่องคุลีเดียว นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันพุธหน้าจะมีการเลือก 3 ส.มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ต่างจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาล เพราะเขาก็จะเป็นรัฐมนตรีเงาที่ชักใยบงการมาจากลอนดอน พันธมิตรฯ ก็เลยต้องประกาศจุดยืน โดยยืนยันว่า พวกเราจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว


ที่มา:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109021
โพสโดย:นางสาว ศิริกานต์ ทองเครือมา ID 5131600184 SEC 1

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นายกฯคนใหม่ที่เราจะเลือกมาเราควรเลือกคนที่จะเข้ามาบริหารและพัฒนาแก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างจริงจังเพราะถ้าเราเลือกคนที่ไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาแล้วปัญหาเดิมๆที่ตอนนี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ก้จะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม