วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

“มาร์ค” ถอดใจ 6 พรรคร่วมสุมหัวตบหน้า ปชช.ซ้ำสอง


หน.ปชป.ปฏิเสธเสนอตัวแย่งชิงอำนาจ ยอมรับรู้สึกหมดหวัง ชี้บ้านเมืองติดหล่มต่อไป เหตุ 6 พรรคร่วมรัฐบาลปฏิเสธจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ กลับดื้อด้านจับมือตบหน้า ปชช.ซ้ำสอง

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.



วันนี้ (11 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังตัดสินใจกันอยู่ เราจึงต้องรอฟังเพราะไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการแย่งชิงอะไร ขณะที่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาทั้งหมดนั้นไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจเลย แต่เป็นการเสนอความคิดในการหาทางออกให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความคิดที่จะทำงานร่วมกันต่อไป ความคิดดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ามีประเด็นที่น่าจะต้องมาคุยกัน เราพร้อมที่จะพูดคุย และถ้าพรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจเดินต่อไป ต้องให้เหตุผลกับสังคมว่า เขามีทางออกสำหรับสังคมอย่างไร อีกทั้งต้องรอดูว่าสภาฯ จะเลือกใครเป็นนายกฯ และให้ผู้นั้นเป็นคนแสดงออกเพื่อคลี่คลายวิกฤตต่างๆ



ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวอีกว่า การที่ตนเสนอให้มีรัฐบาลพิเศษให้เป็นทางออกหนึ่งเท่านั้น และไม่มีเหมือนรัฐบาลแห่งชาติในอดีต สิ่งที่ตนพูดหมายถึงรัฐบาลเปิดพื้นที่ให้บุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองด้วย และต้องมีการประกาศให้ชัดว่า เงื่อนเวลาและภารกิจคืออะไรถ้าจะไม่มีฝ่ายค้าน เพราะโดยหลักควรมีฝ่ายค้าน ถ้าไม่มีฝ่ายค้าน อายุของรัฐบาลก็ต้องจำกัดมากๆ มีภารกิจที่ชัด และทำงานในสถานการณ์พิเศษซึ่งไม่เหมือนกับที่พูดกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เจาะจงทางใดทางหนึ่งว่าจะต้องแก้ด้วยรัฐบาลพิเศษ แต่พูดได้เพียงว่าต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมทั้งคน ทัศนคติ หรือรูปแบบ คิดว่าน่าหนักใจสำหรับบ้านเมือง แต่ถ้าจะเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนจุดไหน ไม่มีใครผูกขาดความคิดที่ถูกต้องตรงนี้ และตนก็เปิดใจกว้าง ไม่เคยเรียกร้องว่าพรรคประชาธิปัตย์และตัวของตนต้องเป็นรัฐบาล แต่ความเปลี่ยนแปลงต้องมี มิฉะนั้นบ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้



เมื่อถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรีคนใหม่มาจากพรรคชาติไทย ไม่ใช่จากพรรคพลังประชาชน จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ หรือมีค่าเท่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ว่ารัฐบาลชุดใหม่รู้ว่าภารกิจของตัวเองคืออะไร ถ้าคิดว่าบ้านเมืองปัจจุบันเป็นเรื่องปกติ ตนคิดว่าคงน่าหนักใจ เพราะเท่ากับว่าสภาพบ้านเมืองติดหล่มอยู่ และความเดือดร้อนกระจายไป ทั้งความตึงเครียด ความขัดแย้ง และผลกระทบทางเศรษฐกิจ คงแก้ได้ยาก แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่ตระหนักในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นแล้วเก็บเกี่ยวบทเรียนว่าทำอย่างไรไม่ให้เหมือนสัปดาห์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว หรือ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ถ้าสามารถหลุดพ้นจากตรงนั้นได้ก็มีโอกาสที่จะแก้ไขได้



ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับ ส.ส.พรรคพลังประชาชนบางคน ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ส.ส.ทุกคนพูดคุยกันเป็นปกติธรรมดา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนอยู่แล้วที่เห็นว่าขณะนี้บ้านเมืองมีวิกฤต สภาฯ ต้องตั้งรัฐบาลที่ผ่าทางตันแก้วิกฤตให้ได้ ถ้าเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถมีส่วนร่วมตรงนี้ได้เราก็ยินดี โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งหมายถึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ



ที่มา:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000107771

ผู้โพสต์:นางสาว ศิริกานต์ ทองเครือมา ID:5131601184 Sec.1

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ใช่แล้วหละค่ะระบบหนะไม่ได้ผิด
มันผิดที่ตัวของคนใช้ต่างหาก
ถ้ายังแก้ไขปัญหาจุดนี้ไม่ได้ก็เท่ากับ
ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย