วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

เสียใจด้วยกับคนที่ต้องการเห็นผมลาออก!

บทสรุปทิ้งท้าย ของ"สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวผ่านคลื่น 92.50 เมื่อ07.40 น.เช้าวันที่ 4 ก.ย.2551 เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวสะพัดว่าจะประกาศ"ลาออก"เพราะมีแรงกดดันรอบทิศ ท่านอาจจะมองว่า"เสียใจ"แต่เปล่าเลย..เพราะทราบดีว่าอาการดันทุลังของผู้นำ ที่มีอำนาจอ่อนแอนั้น เป็นอย่างไร ..."เสียดาย"ต่างหาก ที่กำลังจะบอกไปถึงท่าน "เสียดาย โอกาส จบชีวิตทางการเมืองที่สง่างาม...และกำลังดันทุรังสูง ทำประชามติ เพื่อหวังต่ออายุให้ตนเอง โดยลืมไปว่า จะยิ่งสร้างความแตกแยก และเป็นชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้ง และสร้างความธรรมให้พันธมิตรฯ" ที่สำคัญ การทำประชามติ เพื่อเป้าหมายรับรอง"คณะบุคคล"นั้นยังสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากรัฐบาลรู้ก่อนแล้วว่าทำประชามติไม่ได้ แต่ยังขอมติคณะรัฐมนตรี ก็น่าจะเข้าข่าย"ลับ ลวง พลาง หรือเบี่ยงเบนประเด็นข่าว"มากกว่า เพราะขณะนี้แรงกดดัน จากข่าวสารให้นายกรัฐมนตรี ลาออก รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศประกาศ"ลาออก" "ประชามติ จึงเป็นเพียงเกม ของข่าวสาร ที่เคยหยิบยกมาใช้แล้วครั้งหนึ่ง"เมื่อหันมา ดูแรงกดดัน...ต้องยอมรับว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือเป็นหัวหอกหลักในการขับไล่ กลุ่มนักวิชาการ องค์กรภาคประชาชน องค์กรวิชาชีพ ที่พยายามแนะ ด้วยความบริสุทธิใจ"เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ"
สิ่งที่ได้รับกลับมา คือข้อกล่าวหาจากนายกรัฐมนตรี ว่า"สนับสนุนพันธมิตรฯ" ทั้งๆที่หลายกลุ่มไม่ได้เห็นดี เห็นด้วย กับ 5แกนนำเสมอ โดยลืมไปว่า คนที่เสนอให้ท่านลาออก ไม่ได้เป็นข้อสรุปแบบเลขคณิตเสมอไปว่า จะเลือกข้างพันธมิตรฯ แต่สิ่งที่พูดผ่านวิทยุนั้น คือ"ผลักคนกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐบาลและเห็นแก่ประเทศชาติให้ ไปอยู่ข้างเดียวกับพันธมิตร"....ถือเป็นทัศนคติ ที่ไม่ส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์ ท่านคงลืมไปว่า ..บริหารประเทศไม่ได้ตั้งแต่ เดือนที่ 3 ของอายุรัฐบาลแล้ว ....วันนี้ การลาออก และยุบสภา นี้คือวิถีทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาไตย และเป็นวิถีทางที่ป้องกัน การรัฐประหาร ได้เป็นอย่างดี แม้การทำประชามติ จะสามารถทำได้จริงตามรัฐธรรมนูญก็ตาม..แต่สิ่งที่ชัดเจนโดยไม่ต้องรอให้ส่งตีความ คือ...ไม่ใช่ทางออกแน่นอน เพราะเป็นเพียงความพยายามในการซื้อเวลา ที่พอจะเข้าใจพฤติกรรมผู้นำช่วงปลายได้... นอกจากไม่ช่วยให้ผู้นำอยู่ในอำนาจได้อีก ผลของมันยังสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติอีกด้วย เพราะต้องอย่าลืมว่า "การเลือกตั้ง"สัญญลักษณ์เบื้องต้นในระบอบประชาธิปไตย สำหรับประเทศไทยแล้ว อยู่ในกลุ่ม"ด้อยพัฒนา"เหตุเพราะการซื้อเสียง และจัดตั้ง ยังฝังรากลึก ผ่านระบบอุปถัมณ์ ดังนั้นการเลือกตั้ง จึงไม่ได้พิสูจน์ ความเป็นประชาธิปไตยไทย อย่างแท้จริง ..แต่ทุกฝ่ายพร้อมรับสภาพ..ว่าใครซื้อเสียง จับไม่ได้ถือว่า...บริสุทธิ์ ประชามติ..เป็นอณูที่เล็กกว่าการเลือกตั้งหลายเท่า..ดังนั้นจะมีหรือที่สังคม จะรับรองได้..ยิ่งเกณฑ์แค่กำหนด"เสียงข้างมาก"แล้ว ..เป็นอันจบ...!!!เพราะเพียงแค่ตั้งโจทย์ว่า..หากผ่านประชามติเสียงส่วนใหญ่ 75-80%(อิงเกณฑ์ประเมินผลงานผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ) ก็ยังไม่มั่นใจว่าสังคม จะยอมรับสภาพ กับความจริงที่ประเทศ มีการซื้อเสียงหรือจัดตั้ง ยังดำรงอยู่เกณฑ์ 50% เลิกพูดไปได้เลย !!! ประชามติ....จึงเป็นการดันทุรัง ที่ล้วนนำไปสู่ทางตันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ที่สำคัญจะยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้ พันธมิตร ...การลาออก หรือยุบสภา ต่างหาก ที่เป็นการเล่นเกมใหม่ บีบให้กลุ่มพันธมิตร ฯขาดความชอบธรรม


โพสต์โดย: นางสาวชาลินี เอี่ยมโอน ID: 5131601043

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ท่านนายกเก่งมาก เข้มแข็งดีนะคะ
มีคนออกมาขับไล่และประท้วงขนาดนี้ท่านยังไม่ยอมลาออกเลย ดิฉันคิดว่าถึงแม้ท่านจะลาออก สถานการณ์อาจจะดีขึ้น แต่มันก็คงยังไม่จบลง ไม่รู้ว่าจะให้เปลี่ยนนายกอีกเท่าไหร่ พวกเขาถึงจะพอใจ

นางสาววาสินี สวัสดิพงษ์
ID:5131601486
SEC2