วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

ทหารกับความมั่นคงของชาติและราชบัลลังก์

http://english.people.com.cn/200609/21/images/0920_B15.jpg






ผมไปพูดบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรกเมื่อวานซืนนี้ มีท่านที่เคารพนับถือเป็นอันมากโทร.มาบอกว่าฟังแล้วหายเครียด มองเห็นว่าบ้านเมืองยังมีทางออกนอกจากปฏิวัติ รัฐประหารหรือนองเลือดกับรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรขี้ข้าทักษิณ

เคล็ดลับอยู่ที่กองทัพจะกล้าหาญและถ่อมตัวลงมาร่วมกับประชาชน ก่อนที่จะสายเกินไป

กองทัพนอกจากจะแก้วิกฤตเฉพาะหน้าได้แล้ว ยังจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของประเทศชาติและราชบัลลังก์ได้อีกด้วย

ผมไม่เห็นด้วยกับทางออกที่มั่วมักง่ายและขอไปที แม้แต่เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ จากองค์ประกอบของสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน เพราะนั่นหมายถึงการกลับไปสู่การเมืองเก่าที่ใช้อำนาจเงินเป็นต้นทาง-ระหว่างทาง-กลางทาง และปลายทางในการปล้นประเทศและประชาชน เอาทรัพย์สินของแผ่นดิน เสรีภาพ สาธารณประ โยชน์และความยุติธรรมไปจากปวงราษฎรหมดสิ้น แม้แต่พระราชปรารภและความมั่นคงขององค์พระมหากษัตริย์ก็ไม่นำพา

และนั่นก็หมายถึง การต่อสู้แย่งผลประโยชน์ในและนอกสภา การปลุกระดมผู้สนับสนุนและคัดค้านให้ปะทะกัน ตลอดจนคำพิพากษายุบพรรคและคดีความต่างๆ ในศาลฎีกาการเมืองและศาลรัฐธรรมนูญ หรือความพยายามที่จะประวิงความยุติธรรมหักดิบกฎหมาย ครอบงำ และข่มขู่ศาล ทำลายภาพลักษณ์ของศาลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้นามาภิไธยด้วยการปลุกระดมไปทั่วโลกและทุกหย่อมหญ้า ดังที่ปรากฏอยู่ด้วยฝีมือของระบอบทักษิณและรัฐบาลขี้ข้าในปัจจุบัน

ผมเห็นว่า ทางออกอยู่ที่การอ่านให้ออกว่าขณะนี้ประเทศไทยตกอยู่ในสุญญากาศทางการเมืองแล้ว รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพ ไม่มีสิทธิบริหาร ดำรงสถานภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ตลอดสมัย ตามคำอธิบายในบทความทั้งสองของท่านอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกายินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ

เมื่อเกิดสุญญากาศ ขอให้อ่านพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องนี้

ผมเห็นว่า อำนาจรัฐาธิปัตย์หรืออำนาจอธิปไตย จะต้องกลับคืนไปสู่ปวงชนที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยอัตโนมัติ จำเป็นจะต้องมีองค์กรหรือคณะบุคคลที่เป็นตัวแทนใช้อำนาจเป็นการชั่วคราว ประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 บางมาตราที่ก่อปัญหาและเป็นอุปสรรค ได้แก่ หมวดที่ว่าด้วยคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น หลังจากนั้นก็กลับเข้าสู่ขบวนการของประชาธิปไตยตามจารีตประชาธิปไตย เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทยให้เร็วที่สุด ระวังอย่าให้เกิดปฏิวัติรัฐประหาร หรือสาธารณะจลาจลอนาธิปไตย


ทั้งหมดนี้ต้องการความกล้าหาญ ถ่อมตัว เข้าใจและร่วมมือของทหารและกองทัพ

คนไทยหรือชาวไทยรักทหาร อันนี้ขออย่าได้สงสัย รวมทั้งผมด้วย เพราะคนไทยรู้ว่าทหารกล้าหาญและเสียสละ ยอมพลีชีพเพื่อชาติ นอกจากนั้นทหารยังเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นจอมทัพ คนไทยรักในหลวง จึงรักทหารของท่าน

ผมไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆ นี้หมดไป ถ้าเมื่อใดคนไทยเกลียดกองทัพ อะไรจะเกิดขึ้น

ตั้งแต่การรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2490 เป็นต้นมา กองทัพได้ถูกชักนำเข้าไปเป็นเครื่องมือในทางการเมืองและเผด็จการ โดยบางครั้งผู้นำเหล่าทัพก็เป็นเสียเอง ทหารการเมืองใหญ่น้อยจึงพากันได้ดีมีตำแหน่ง ล้ำหน้าทหารอาชีพที่มีวินัยและความสามารถ

ยุคทักษิณ ถึงแม้จะใช้สัญลักษณ์การเลือกตั้งบังหน้า แต่ก็เป็นยุคอำนาจนิยมรวมศูนย์เสียยิ่งกว่ารัฐบาลทหาร ระบอบทักษิณได้ทำลายความเป็นกลางและความสามารถของระบบราชการยิ่งกว่ายุคใดๆ กองทัพเองก็หนีพ้น และผู้นำเหล่าทัพย่อมจะรู้ดี ว่าใครได้ดีและจงรักภักดีต่อทักษิณ ใครจงรักภักดีต่อประเทศชาติและในหลวง

พวกที่ทวนสาบานและคำปฏิญาณต่อพระเจ้าแผ่นดินมากที่สุด ก็คือ นักการเมืองกับทหาร

ทหารและผู้นำกองทัพในยุคสมัครเป็นอย่างไร กล่าวกันว่าไม่มียุคใดที่กองทัพจะถูกติดสินบนโดยรัฐมนตรีกลาโหมเท่ายุคสมัคร ดังนั้นผู้นำเหล่าทัพจึงตกเป็นเชลยหรือตัวค้ำประกันความมั่นคงของสมัคร มิไยสวัสดิภาพและความมั่นคงของบ้านเมืองและสถาบันกษัตริย์จะสั่นสะเทือนโยกคลอน

กล่าวกันว่า เมื่อโผทหารเรียบร้อยแล้ว และงบประมาณ ซึ่งกองทัพได้รับประโยชน์มากกว่ายุคใดๆ ผ่านสภา ผู้นำกองทัพก็จะคลายความเคร่งครัดลง ไม่เป็นกลางต่อชีวิตให้รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณต่อไป เพราะบัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าระบอบทักษิณบ่อนทำลายและท้าทายสถาบันกษัตริย์โดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในความอ่อนย่อมมีความแข็ง ผมและประชาชนส่วนมากล้วนแต่ชื่นชมและสำนึกบุญคุณผู้บัญชาการทหารบกที่ไม่ยอมทำร้ายประชาชน สลายการชุมนุมหรือปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่แค่นั้นไม่พอ

ประชาชนและประเทศชาติคาดหวังมากกว่านั้น อยากให้กองทัพตัดสินว่าจะสนับสนุนปวงชนที่ก้าวหน้าและเติบโต หรือจะอยู่กับกลุ่มการเมืองที่คดโกงล้าหลังและผุพัง

ผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบกจะกล้าหาญและถ่อมตัวพอหรือไม่ จะแยกต้นไม้ออกจากป่าเป็นหรือไม่ จะเอาชนะความเกลียดความชอบบุคคลเป็นส่วนตัว และมองเห็นศักยภาพของการเมืองภาคประชาชนที่โตวันโตคืนหรือไม่

ผมกำลังนึกอยู่ว่าจะพูดกับทหารอย่างไรดี ก็พอดีได้รับข้อเขียนของท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม

ผมขอขอบคุณท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม ผู้เขียน Toward Ending Crisis Beneficial to Our Country and People และอาจารย์นัยนา นาควัชระ พันธมิตร เชียงใหม่ ผู้แปลหนทางยุติวิกฤตของบ้านเมือง กลับมาอย่างรวดเร็ว ผมอยากให้เพื่อนทหารและท่านผู้อ่านได้ประโยชน์เช่นเดียวกับผม จึงขออนุญาตนำเสนอข้างล่างนี้

Five points for our military to seriously consider in coping with present national crisis with a view to ending crisis beneficial to our country and people.

ข้อเสนอ 5 ประการที่ใคร่ขอให้กองทัพพิจารณา ในอันที่จะยุติปัญหาความขัดแย้งของชาติ นำความสงบสุขมายังประเทศชาติและประชาชน

1) In time of national crisis, the military has a sacred duty to take all necessary measures to ensure that democracy will not be allowed to be abused, trampled and destroyed by corrupt and power mongers politicians and their hired thugs.

1) ในภาวะวิกฤตของชาติ กองทัพมีภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องใช้มาตรการที่จำเป็นในอันที่จะปกปักรักษาประชาธิปไตยไม่ให้ถูกย่ำยี เหยียบย่ำทำลายโดยอำนาจอันฉ้อฉลของกลุ่มนักการเมืองและเหล่าอันธพาลที่ได้รับการว่าจ้างมา

2) Military should realize that present Thai society is thoroughly irrational and destructive(as a result of 7 years of poisonous influence of populism and rampant corruption). Corrupt politicians excesses and negativities must no longer be tolerated.

2) กองทัพจะต้องตระหนักว่า หลังจาก 7 ปีที่ผ่านมาของระบอบประชานิยมและการคอร์รัปชันโกงบ้านกินเมืองที่เป็นพิษ สังคมไทยในปัจจุบันได้กลายมาเป็นสังคมที่ไร้เหตุผล ก้าวร้าวและมุ่งใช้ความรุนแรง สังคมไทยไม่ควรจะต้องทนทุกข์กับความฉ้อฉลชั่วร้ายของนักการเมืองเช่นนี้อีกต่อไป

3) Military should seriously consider that if society faced “clear and present danger” it definitely constitute threats to civil liberties and survival of democratic system.

3) กองทัพควรจะต้องทบทวนอย่างจริงจังว่าถ้าสังคมไทยกำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายประชิดตัวอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ นั่นย่อมจะหมายความว่า เสรีภาพของประชาชนและความอยู่รอดของระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามอย่างร้ายแรง

4) In situation that presents clear and present danger, pure tolerance and neutrality only strengthen the present corrupt and rotten system.

4) ภายใต้สถานการณ์ที่สังคมไทยกำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายเช่นนี้ อหิงสธรรมและความเป็นกลางนั้นกลับจะเป็นตัวที่เพิ่มพูนกำลังให้กับระบอบฉ้อฉลสามานย์

5) In politics as in every day life, there are risks to be taken(like it or not) even doing nothing incurs risk to the same degree as doing something. In order to succeed the military must realize that there is urgent and vital need for clear and effective synchronization between the military and the progressive democratic forces of our country.

5) เรื่องการเมือง ก็เฉกเช่นเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเรา มีเรื่องให้เราต้องเสี่ยง (ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตามที) การอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็อาจจะเสี่ยงพอๆ กับการทำอะไรบางอย่าง ในกรณีนี้ ในอันที่จะประสบผลสำเร็จในการแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง กองทัพจะต้องตระหนักว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทหารจะต้องร่วมมือกับพลังประชาธิปไตยก้าวหน้าของประเทศ

It is imperative that our military must adopt political strategy of sending signals and applying pressures on incremental and continuum basis (interviews to the press, face to face meeting with acting PM, issuance of Amrmed forces Joint Communique and if need be an ultimatum) in clear and unequivocal terms reflecting the military establisment's grave concern and strong determination to take all necessary measures deemed appropriate to help restore genuine democratic rule and bring the nation back to normalcy.

DISPLAY OF ARMED FORCES SOLIDARITY AND DETERMINATION ARE NECESSARY IF MORALLYCORRUPT POLITICIANS ARE TO BE CONVINCED OF SERIOUSNESS OF ARMED FORCES.
สุรพงษ์ ชัยนาม

จำเป็นอย่างยิ่งที่ทางกองทัพจะต้องหันมาใช้วิธีการทางการเมืองที่จะส่งสัญญาณและสร้างความกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (เช่น การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน การเข้าเจรจาหารือกับนายกรัฐมนตรีรักษาการ รวมไปถึงการออกแถลงการณ์ร่วมของกองทัพไทย (Armed forces Joint Communique) ถ้าจำเป็นและเป็นทางเลือกสุดท้าย กองทัพจะต้องแสดงออกอย่างชัดเจนโดยไม่มีข้อกังขาถึงความห่วงใยที่กองทัพมีต่อประเทศชาติ ตลอดจนความตั้งใจจริงในอันที่จะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เพื่อจะกอบกู้อธิปไตยและความสงบสุขของบ้านเมือง-อานาประชาราษฎร์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติสุข

การแสดงแสนยานุภาพและความเอาจริงของทหารนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น หากนักการเมืองสามานย์ฉ้อฉลถึงคราวที่จะต้องรับรู้เสียทีว่ากองทัพที่เอาจริงนั้นเป็นอย่างไร

ผมขอขอบคุณท่านผู้อ่าน และท่านผู้นำเหล่าทัพที่กรุณาอ่านและเข้าใจ

ผมขอยืนยันว่าความร่วมมือของกองทัพกับขบวนการประชาชนที่ก้าวหน้ารักชาติ รักประชาธิปไตย รักกองทัพ และรักในหลวงเท่านั้นจึงจะแก้วิกฤตที่สุดในโลกครั้งนี้ได้ และนำพาชาติไปสู่ราชประชาสมาสัย หรือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่แท้จริง




credit : ปราโมท นาครทรรพ www.manager.co.th
update by Kotchakorn Sunthikhunakorn 5131601001




ไม่มีความคิดเห็น: